สกลนคร-ชาวพุทธ-พระสงฆ์นับแสน แห่ร่วมพิธีประชุมเพลิงศพ หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าปทีปปุญญาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร รถติดยาวเหยียดกว่า 5 กม.
เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554 ที่วัดป่าปทีปปุญญาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ได้มีพิธีประชุมเพลิงศพ พระอธิการผ่าน (หลวงปู่ผ่าน) ปัญญาปทีโป อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าปทีปปุญญาราม โดยประธานฝ่ายฆราวาส ได้แก่ นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ประธานฝ่ายสงฆ์ ได้แก่ พระราชญานมุรี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ) โดยพิธีเริ่มขึ้นหลังจาก นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้ว หลวงปู่บุญมา คัมภีร์ธรรมโม เจ้าอาวาสวัดป่าสีห์พนมประชาราม ขึ้นนั่งประจำธรรมาสน์
ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร จุดเทียนส่องธรรม เสร็จแล้วจึงแสดงพระธรรมเทศนา ให้บรรดาศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ประมาณ 1 แสนคน โดยมีพระภิกษุสงฆ์อีกนับหมื่น พระเกจิอาจารย์เดินทางมาร่วมพิธีจำนวนมาก ทำให้รถติดยาวเหยียดกว่า 5 กม. ในจำนวนนี้ มีนายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นางวิตยา ประสงค์วัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พลตรี สิทธิ จันทร์สมบูรณ์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสกลนคร พลตำรวจตรี อุดม จำปาจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรสกลนคร รวมอยู่ด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. พระสงฆ์ทุกรูป สวดมาติกาเสียงดังกระหึ่มทั่วบริเวณ จากนั้นเจ้าภาพผู้มีจิตศรัทธาทอดผ้าบังสุกุลบนเมรูชั่วคราว และ นายสัมฤทิ์ พุฒศรี นายอำเภออากาศอำนวย ได้อ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า เมื่อความทราบฝ่าละอองพระบาทว่า พระอธิการผ่าน ปัญญาปทีโป มรณภาพด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โปรดพระราชทาน พวงมาลาวางหน้าหีบศพ ในนามศิษยานุศิษย์ ทายก ทายิกา มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้นับเป็นเกียรติประวัติ และพระกรุณาแก่ พระอธิการผ่าน ปัญญาปทีโป และคณะศิษยานุศิษย์ ทั้งบรรพชิตและฆราวาสโดยทั่วหน้า คณะศิษย์ทั้งปวง รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จากนั้นได้มีการอ่านประวัติ และ นายอำนาจ ผารัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ประธานในพิธีทอดผ้าบังสุกุล โดยมี พระราชญานมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ) เป็นผู้พิจารณาผ้าบังสุกุล ศพของหลวงปู่ผ่าน ถูกบรรจุโนโลงทองเค ประดับตกแต่งบริเวณเมรุชั่วคราว อย่างสวยงาม
หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป มีนามเดิมว่า ผ่าน หัตถสาร เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2465 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น4 ค่ำ เดือน 2ปีจอ ณ บ้านเซือม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายด่าง และนางจันทร์เพ็ง หัตถสาร มีพี่น้องรวม 13 คน เมื่อปี พ.ศ. 2480 อายุ 15 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดทุ่ง ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยมีพระครูวิรุฬห์ นวกิจ (ผาง ฐิตสทโธ )เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อปี พ.ศ. 2485 อายุ 20 ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในทางพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดทุ่ง ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย เมื่อปี พ.ศ. 2490 หลวงปู่ผ่าน ท่านได้ไปจำพรรษากัับหลวงปู่อุ่น อุตฺตโม ณ วัดอุดมรัตนาราม ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระเกจิอาจารย์สายวิปัสนากรรมฐาน และหลวงปู่อุ่นได้พาหลวงปู่ผ่าน ไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถาวาส) ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ประมาณ 2-3 ครั้ง
ครั้นออกพรรษาแล้ว ท่านได้กราบลาหลวงปู่อุ่น เพื่อไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ
ในครั้งนั้นมีพระเณร กว่า 10 รูป เช่น พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน, พระอาจารย์อ่อนสา สุขกาโร, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร, พระอาจารย์คำพอง ติสฺโส, พระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต, สามเณรบุญเพ็ง (หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู) รวมอยู่ด้วย
หลวงปู่ผ่าน เริ่มอาพาธด้วยโรคต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.สกลนคร อาการของหลวงปู่มีแต่ทรงกับทรุด หลวงปู่มีความประสงค์จะกลับไปรักษาตัวที่วัด ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้สั่งให้แพทย์พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด ต่อมาความทราบถึง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดรับหลวงปู่ไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์
จนวันที่ 24 มกราคม 2554 เวลา 18.00 น. หลวงปู่ผ่าน จึงได้ละสังขารด้วยอาการอันสงบ สิริรวมอายุได้ 89 ปี 64 พรรษา การจากไปของหลวงปู่ นับเป็นการสูญเสียพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของจังหวัดสกลนคร ที่มีพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก จากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของท่าน ทำให้วัดป่าปุญญาประทีปแห่งนี้ กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความดี เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศ พากันหลั่งไหลมาที่วัดในแต่ละวันไม่ขาดสาย
หลวงปู่จากไปเพียงร่างกายเท่านั้น ส่วนคุณงามความดี บารมีธรรมะจะยังคงจารึกไว้ในความทรงจำของบรรดาศิษยานุศิษย์อยู่ตลอดเวลา