xs
xsm
sm
md
lg

กาญจน์จัดแสดงละคร “สงครามเก้าทัพ” เทิดพระเกียรติ “ไนหลวง” 17-25 ก.พ.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้ายอุทยานสงครามเก้าทัพ เป็นอนุสรณ์ที่มีความหมาย โดยมีเสาธงชาติไทย จำนวน 4 เสา หมายถึงกองทัพไทย 4 กองทัพ ตั้งอยู่เหนือตอไม้ 9 ตอ หมายถึงกองทัพพม่า 9 กองทัพ หมายถึงว่ากองทัพไทยมีชัยชนะเหนือกองทัพพม่า
กาญจนบุรี - กระทรวงกลาโหมโดยกองทัพบก ร่วมกับ ก.พลังงานและจังหวัดกาญจนบุรี จัดแสดงละครแสงสีเสียงเทิดพระเกียรติปฐมบรมราชจักรีวงศ์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สงครามเก้าทัพ ตอน “วันชนะศึกทุ่งลาดหญ้า มหาวีรกรรมปกบ้านป้องเมืองของคนไทย” ที่ข้าศึกพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ เริ่ม 17-25 ก.พ.นี้

นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้ดำเนินการจัดงาน สงครามเก้าทัพ ตอนวันชนะศึกทุ่งลาดหญ้า กล่าวว่า สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามระหว่างอาณาจักรพม่ากับอาณาจักรไทย หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่

เวลานั้นบ้านเมืองอยู่ในช่วงผ่านศึกสงครามมาใหม่ๆ ประจวบทั้งการสร้างบ้านแปลงเมือง รวมทั้งปราสาทราชวังต่างๆ ในปี 2328 พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าหลังจากบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์อังวะแล้ว ต้องการประกาศแสนยานุภาพ เผยแผ่อิทธิพล โดยได้ทำสงครามรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยรวมถึงเมืองประเทศราชให้เป็นปึกแผ่น แล้วได้ยกกำลังเข้ามาตีไทย โดยมีจุดประสงค์ทำสงครามเพื่อทำลายกรุงรัตนโกสินทร์ให้พินาศย่อยยับเหมือนเช่นกรุงศรีอยุธยา

สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงได้ยกทัพมาถึง 9 ทัพ รวมกำลังพลมากถึง 144,000 นายโดยแบ่งกองกำลังเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น 5 ทิศทาง คือ ทัพที่ 1 ได้ยกมาตีหัวเมืองประเทศราชทางปักษ์ใต้ตั้งแต่เมืองระนองจนถึงเมืองนครศรีธรรมราช ทัพที่ 2 ยกเข้ามาทางเมืองราชบุรีเพื่อที่จะรวบรวมกำลังพลกับกองทัพที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้แล้วค่อยเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ ทัพที่ 3 และ 4 เข้มาทางด่านแม่ละเมา แม่สอด ทัพที่ 5-7 เข้ามาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ ตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตีตั้งแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือลงมาสมทบกับทัพ 3-4 ที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อตีเมืองตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ ทัพที่ 8-9 เป็นทัพหลวงพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ โดยมีกำลังพลมากที่สุดถึง 50,000 นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ และใต้โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้ารบกับกรุงเทพฯ

เวลานั้นฝ่ายไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงรวบรวมกำลังไล่พลได้เพียง 70,000 นาย มีกำลังน้อยกว่าทัพพม่าถึง 2 เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงปรึกษาวางแผนกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชบวรสถานมงคล ว่าจะทำการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ คือ จัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือ

ทัพที่ 1 ให้ยกไปรับทัพพม่าทางเหนือที่เมืองนครสวรรค์ ทัพที่ 2 ยกไปรับพม่าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ทัพนี้เป็นทัพใหญ่ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพคอยไปรับทัพหลวงของพระเจ้าปดุงที่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ทัพที่ 3 ยกไปรับพม่าที่จะมาจากทางใต้ที่เมืองราชบุรี ทัพที่ 4 เป็นทัพหลวงโดยมีสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้คุมทัพ คอยเป็นกำลังหนุน เมื่อทัพไหนเพลี่ยงพล้ำก็จะคอยเป็นกำลังหนุน

สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ได้ยกทัพไปถึงเมืองกาญจนบุรี ตั้งรับทัพอยู่ที่บริเวณทุ่งลาดหญ้าเชิงเขาบรรทัด สกัดกั้นไม่ให้กองทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกำลังพลกันได้ นอกจากนี้ ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทัพขาดเสบียงอาหาร แล้วยังใช้อุบายโดยทำเป็นถอยกำลังออกในเวลากลางคืน

ครั้นรุ่งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาผลัดเวร เสมือนว่ามีกำลังมากมาเพิ่มอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้านคิดว่ากองทัพไทยมีกำลังมากกว่า จึงไม่กล้าจะบุกเข้ามาโจมตี สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมื่อสบโอกาสเข้าโจมตีกองทัพ 8-9 จนถอยร่น พระเจ้าปดุงเมื่อเห็นว่า ไม่สามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบทั้งกองทัพขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ

สำหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางสมารถป้องกันทัพพม่าที่ยกมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือได้สำเร็จ ส่วนทัพที่บุกมาทางด่านแม่ละเมามีกำลังมากกว่าจึงสามารถตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เมื่อเสร็จศึกทางด้านพระเจดีย์สามองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองทางเหนือ

ส่วนทางปักษ์ใต้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุสิงหนาท เมื่อเสร็จศึกที่ลาดหญ้าแล้วเสด็จยกทัพไปช่วยทางปักษ์ใต้ต่อ แต่ก่อนที่จะเสด็จไปถึงทัพพม่าได้โจมตีเมืองระนองถึงเมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการจัดตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมืองถลางนำโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลาง และนางมุขน้องสาว ได้รวบรวมกำลังชาวเมืองต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ และสามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้

หลังเสร็จศึกแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้หญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตริย์ (หรือท้าวเทพสตรี) ส่วนนางมุข น้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร

นอกจากนี้ ทัพพม่าบางส่วนสมารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และยกลงไปตีเมืองสงขลาต่อ เจ้าเมืองและกรมการเมืองสงขลาพอทราบข่าวทัพพม่าตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ด้วยความขลาดจึงหนีเอาตัวรอด แต่เจ้าเมืองพัทลุง พระยาขุนคางเหล็ก และได้นิมนต์ภิกษุรูปหนึ่งนามว่า พระมหาช่วยมีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัดทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมืองพัทลุงได้

เมื่อกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกกองกำลังมาช่วยหัวเมืองปักษ์ใต้ ตีทัพพม่าตั้งแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไปพ้นจากหัวเมืองปักษ์ใต้แล้ว พระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการ

ซึ่งพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ก่อนเข้าตีค่ายพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า ได้ทรงตรัสกับบรรดาไพร่หลวงว่า “พวกเจ้าเป็นไพร่หลวง ข้าเป็นพระราชวงศ์ แต่พวกเจ้ากับข้าเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเราเป็นคนไทย เป็นเจ้าของแผ่นดินเหมือนกัน รบวันนี้เราจะแสดงให้ผู้รุกรานเห็นว่าเราหวงแหนแผ่นดินแค่ไหน รบวันนี้เราจะไม่กลับมาค่ายนี้อีกจนกว่าจะขับไล่ศัตรูไปพ้นชายแดน ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้ารบเพื่อใคร นอกจากรงเพื่อแผ่นดินของพวกเจ้าเอง แผ่นดินที่จะมอบให้กับลูกหลานของพวกเจ้าได้อยู่อาศัยอย่างเป็นสุขต่อไป”

นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวอีกว่า สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองกายจนบุรีประมาณ 45 ก.ม.เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์) ประมาณกิโลเมตรที่ 24 เป็นสถานที่รวบรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ซึ่งเป็นสงครามครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของพระเจ้าปดุง ในปี พ.ศ.2328 ซึ่งชัยชนะในสงครามครั้งนี้โดยเฉพาะสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ทำให้ประเทศไทยรักษาเอกราชและดำรงความเป็นชาติมาถึงปัจจุบัน

ภายในอาคารจะเป็นตู้จำลองเหตุการณ์และโต๊ะทรายแสดงภูมิประเทศจำลองเส้นทางการเดินทัพของข้าศึก นอกจากนี้ ยังมีหอสังเกตการณ์เพื่อให้ผู้มีความสนใจประวัติศาสตร์เข้าใจการเลือกใช้ภูมิประเทศในการเดินทัพ และจุดสกัดกั้นกองทัพพม่าได้ชัดเจนขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายยุทธการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี โทร. 0-3458-9233 ต่อ 51015-6 โทรสาร 0-3458-9236

ในการนี้ กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก ร่วมกับกระทรวงพลังงาน และจังหวัดกาญจนบุรี จัดแสดงละครแสงสีเสียงเทิดพระเกียรติปฐมบรมราชจักรีวงศ์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 สงครามเก้าทัพ ตอน “วันชนะศึกทุ่งลาดหญ้า มหาวีรกรรมปกบ้านป้องเมืองของคนไทย” ที่ข้าศึกพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์

ขอเชิญชมการแสดงละครแสงเสียง เทคนิคล้ำสมัย ยิ่งใหญ่อลังการ พบกับนักแสดงคุณภาพกว่า 600 ชีวิต พร้อมกองทัพม้า กองทัพช้าง ที่ตื่นเต้น ตื่นตาทุกนาที เริ่มตั้งแต่วันที่ 17-25 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ สำรองที่นั่งได้ที่สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 0-3451-5208, 0-3451-1778, 0-3451-2399, 0-3462-2791
ป้ายอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท ผู้ทรงเป็นแม่ทัพ สามารถชนะศึกที่มีกำลังมากกว่าได้อย่างราบคาบ
อาคารประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ
โปสเตอร์การจัดแสดงแสงสีเสียง สงครามเก้าทัพ ตอน วันชนะศึกทุ่งลาดหญ้า
ด่านพระเจดีย์สามองค์ในปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น