ศรีสะเกษ - ชาวบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ ชายแดน “เขาพระวิหาร” บางส่วนไม่ยอมทิ้งบ้านเรือนหนีสงคราม หวั่นทรัพย์สินถูกขโมย วอนภาครัฐ หน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านอาหารน้ำดื่ม ลั่นกลัวจนกล้า ที่นี่บ้านของเราไม่ถอยหนีไปไหน
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่บ้านซำร่อง ม.13 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านที่ปักหลักไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ และบางส่วนกลับออกมาจากศูนย์อพยพเพื่อเข้าไปสำรวจดูแลทรัพย์สินภายในบ้านเรือน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่ทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน ต้องวิ่งเข้าหลุมภัยกันอย่างโกลาหลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร และพากันออกจากหลุมหลบภัยเมื่อเสียงปืนสงบลง
ทั้งเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ดังกล่าว แหล่งข่าวทหารไทย ระบุ เป็นเสียงปืนประจำกายของทหารกัมพูชาต้องการยิงยั่วยุให้ฝ่ายไทยตอบโต้ แต่ทหารไทยได้ใช้อดทนอดกลั้นจะตอบโต้ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ชายแดนเขาพระวิหาร ยังคงตึงเครียดอยู่ ทำให้ชาวบ้านตามแนวชายแดนทั้งที่มาพักอาศัยอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราว และที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่เพื่อดูแลบ้านเรือน ทรัพย์สินภายในหมู่บ้านต่าง อยู่ในภาวะกดดันและมีอาการเครียด เนื่องจากไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด
นายบุญมี ปัทมะ อายุ 59 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวขณะนั่งอยู่ในหลุมหลบภัยในหมู่บ้าน ว่า ตนไม่ได้กินข้าว ไม่ได้หลับได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนเกิดการปะทะกันอย่างหนักมาก ตนและเพื่อนบ้านที่อยู่ในหลุมหลบภัยอยู่ท่ามกลางวิถีกระสุนทั้ง 2 ฝ่ายที่ยิงถล่มเข้าใส่กันตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา กระทั่งตี 2 เสียงปืนจึงสงบลง แต่พวกเราก็ไม่กล้าออกมาก่อไฟหุงข้าว ทำอาหารกินเพราะกลัวจะเป็นเป้าให้ทหารเขมรยิงได้ และจนขณะนี้ยังไม่กล้าข่มตาหลับเพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
นายชอบ มาทอง อายุ 53 ปี ที่หลบอยู่ในหลุมหลบภัยเดียวกัน กล่าวว่า ถามว่า พวกตนกลัวไหม บอกเลยว่ากลัว แต่มันกลัวจนกล้า เพราะถ้าเราไม่กล้าก็ไม่มีคนอยู่ แล้วใครจะดูแลทรัพย์สินของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องสู้เพื่ออยู่ ถอยไม่ได้อีกแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของเราจะถอยไปไหน ตอนนี้เรื่องอื่นไม่สำคัญพวกเราอยากได้แค่หน่วยภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่มมาให้ กำลังทหารหรือตำรวจจะมาคุ้มกันก็ไม่ต้องการ ขอให้ท่านทำหน้าที่ของพวกท่านไป ตรงนี้พวกเราจะอยู่ต่อสู้กันตามประสาชาวบ้าน
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่บ้านซำร่อง ม.13 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านที่ปักหลักไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ และบางส่วนกลับออกมาจากศูนย์อพยพเพื่อเข้าไปสำรวจดูแลทรัพย์สินภายในบ้านเรือน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่ทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน ต้องวิ่งเข้าหลุมภัยกันอย่างโกลาหลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร และพากันออกจากหลุมหลบภัยเมื่อเสียงปืนสงบลง
ทั้งเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ดังกล่าว แหล่งข่าวทหารไทย ระบุ เป็นเสียงปืนประจำกายของทหารกัมพูชาต้องการยิงยั่วยุให้ฝ่ายไทยตอบโต้ แต่ทหารไทยได้ใช้อดทนอดกลั้นจะตอบโต้ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ชายแดนเขาพระวิหาร ยังคงตึงเครียดอยู่ ทำให้ชาวบ้านตามแนวชายแดนทั้งที่มาพักอาศัยอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราว และที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่เพื่อดูแลบ้านเรือน ทรัพย์สินภายในหมู่บ้านต่าง อยู่ในภาวะกดดันและมีอาการเครียด เนื่องจากไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด
นายบุญมี ปัทมะ อายุ 59 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวขณะนั่งอยู่ในหลุมหลบภัยในหมู่บ้าน ว่า ตนไม่ได้กินข้าว ไม่ได้หลับได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนเกิดการปะทะกันอย่างหนักมาก ตนและเพื่อนบ้านที่อยู่ในหลุมหลบภัยอยู่ท่ามกลางวิถีกระสุนทั้ง 2 ฝ่ายที่ยิงถล่มเข้าใส่กันตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา กระทั่งตี 2 เสียงปืนจึงสงบลง แต่พวกเราก็ไม่กล้าออกมาก่อไฟหุงข้าว ทำอาหารกินเพราะกลัวจะเป็นเป้าให้ทหารเขมรยิงได้ และจนขณะนี้ยังไม่กล้าข่มตาหลับเพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
นายชอบ มาทอง อายุ 53 ปี ที่หลบอยู่ในหลุมหลบภัยเดียวกัน กล่าวว่า ถามว่า พวกตนกลัวไหม บอกเลยว่ากลัว แต่มันกลัวจนกล้า เพราะถ้าเราไม่กล้าก็ไม่มีคนอยู่ แล้วใครจะดูแลทรัพย์สินของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องสู้เพื่ออยู่ ถอยไม่ได้อีกแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของเราจะถอยไปไหน ตอนนี้เรื่องอื่นไม่สำคัญพวกเราอยากได้แค่หน่วยภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่มมาให้ กำลังทหารหรือตำรวจจะมาคุ้มกันก็ไม่ต้องการ ขอให้ท่านทำหน้าที่ของพวกท่านไป ตรงนี้พวกเราจะอยู่ต่อสู้กันตามประสาชาวบ้าน