พิจิตร - ชาวนาพิจิตรถูกลอยแพ ถึงขั้นกลียุค เหตุภัยแล้งแย่งน้ำทำนาทั้งที่อยู่ในพื้นที่ชลประทานและจัดรูปที่ดิน แต่น้ำมาไม่ถึง ล่าสุด นายก อบต.รังนก ต้องเรียกทุกฝ่ายทำแผนปรองดองสมานฉันท์ แต่ไม่ได้ผล วอนผู้ใหญ่ภาครัฐลงพื้นที่เหลียวแล
วันนี้ (7 ก.พ.) นายธีระพงศ์ เพ็ชรพงศ์ นายก อบต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ประสบกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากแม่น้ำยมแห้งขอดส่งผลให้เกิดปัญหาชาวนาที่ทำนาปรังในพื้นที่กว่า 7,000 ไร่ ซึ่งเป็นเขตจัดรูปที่ดินและพื้นที่ชลประทาน แต่น้ำกับไหลมาไม่ถึงทำให้ชาวนา หมู่ 4 ,5, 8 ของ ต.รังนก อ.สามง่าม ที่มี นายบุญสืบ คงคะชาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 และ นายสมหวัง คำหนู อบต.หมู่ 5 รวมชาวนากว่า 40 คน ยกพวกจะไปเปิดศึกแย่งน้ำกับชาวนาเขต ต.กำแพงดิน ต.สามง่าม ต.ย่านยาว ที่อยู่ต้นคลอง C.35, C.38, C.41
ทั้งนี้ เนื่องจากไม่พอใจพวกที่อยู่ต้นน้ำไม่เคารพกฎกติกา ที่แอบขโมยสูบน้ำในเวลากลางวันทั้งที่ชลประทานประกาศเป็นข้อห้าม โชคดีที่ทางตำรวจสายตรวจพื้นที่ และ อบต.ทราบข่าว จึงเรียกมาเจรจาและให้ยุติ และรับปากว่า จะเชิญผู้บริหารฝ่ายปกครองระดับอำเภอ ระดับหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ชลประทานมาทำเวทีข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อจะได้ยุติปัญหาข้อพิพาทของชาวนาพิจิตรที่กำลังเปิดศึกแย่งน้ำถึงขั้นจะวางมวยกันแบบรายวัน ดังกล่าว
ด้าน นายบุญสืบ คงคะชาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวอย่างไม่พอใจว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นาข้าวของตนเองอยู่ในพื้นที่ชลประทานและจัดรูปที่ดินจึงมั่นใจว่าจะมีน้ำทำนาเพราะเสียเงินให้กับจัดรูปที่ดินเพื่อจัดสรรน้ำมาให้ทำนา แต่ทุกปีก็ไม่เคยมีน้ำทำนาต้องออกแรงประท้วง หรือ ยกพวกไปแย่งน้ำกับพวกที่อยู่ต้นน้ำทุกปี ซึ่งเป็นปัญหาแบบเดิมๆ ที่เหมือนถูกลอยแพยามหน้าแล้งที่ต้องแย่งน้ำทำนา ส่วนหน้าน้ำทั้งตำบลก็ถูกน้ำท่วม
ดังนั้น คู,คลอง ที่จัดรูปที่ดินทำไว้ก็หมดสภาพถูกน้ำพัดพังและจ่ายน้ำมาไม่ได้ แต่ก็ยังถูกเก็บเงินจากสำนักงานจัดรูปที่ดินพิจิตร ซึ่งถ้าไม่จ่ายก็ส่งใบทวงหนี้มาทุกปี แถมยังถูกขึ้นบัญชีดำ ถ้าจะโอนซื้อ-ขาย หรือยกที่ดินให้ลูกหลานก็จะต้องถูกเรียกเก็บเงินที่เป็นหนี้ก่อน จึงจะโอนที่ดินได้ จึงถือว่ารัฐบาลรังแกประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม
สำหรับ นายทองย้วย สวยทอง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ 5 ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร กล่าวว่า ทำนา 13 ไร่ อยู่ในพื้นที่ชลประทานและจัดรูปที่ดิน ตอนนี้เดือดร้อนมากข้าวอายุ 40 วัน กำลังขาดน้ำและจะแห้งตายเคยทำหนังสือ เคยประท้วง และทำทุกวิธี ก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแล หรือให้ความเป็นธรรมในการจัดสรรน้ำที่เคยตกลงกันไว้ว่า ในพื้นที่ต้นคลอง C.35, C.38, C.41 ที่รับน้ำมาจากคลองพลายชุมพล ต้นน้ำจากพิษณุโลกปลายทาง ต.รังนก จ.พิจิตร ว่า ต้นคลองจะสูบ 4 วัน เฉพาะกลางคืน ส่วนกลางวันให้น้ำไหลมาปลายคลอง แต่เอาเข้าจริงพวกต้นคลองสูบน้ำทั้งกลางวันและกลางคืน
มาวันนี้สุดทน จึงจะยกพวกไปพังเครื่องสูบน้ำกับพวก ที่อยู่ต้นคลอง แต่นายก อบต.รังนก มาระงับเหตุไว้ ก็จะยอมดูสถานการณ์อีก 3-5 วัน ถ้ายังไม่รู้หมู่รู้จ่า ก็จะยอมเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อแลกกับน้ำเอามาทำนา เพราะถ้าปล่อยให้ข้าวตายชีวิตของตนเองและครอบครัวก็ต้องตายตามไปด้วย ดังนั้น จึงจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ขอสู้ยิบตาเพื่อเปิดศึกแย่งน้ำที่ทุกวันนี้ขาดคนเหลียวแล