บุรีรัมย์ - ชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ จับกุมเจ้าของร้านเสื้อผ้าดังกลางเมืองได้เสื้อผ้าละเมิดลิขสิทธิ์และยาบ้าพร้อมกระสุนปืน ขณะหนุ่มนามสกุลนักร้องดัง “แช่มรัมย์” เจ้าของข้าวแกงดังนำยาบ้ามาส่งถูกรวบสารภาพเสพ และค้ายาบ้า ซื้อขายโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ สั่งการให้ พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ทำการกวาดล้างขบวนการค้ายาบ้าในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ หลังได้รับแจ้งว่ามียาเสพติดเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กวาดล้างการค้าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ประเสริฐ สุ่มมาตร สวป. ร.ต.อ.ภาณุวัฒน์ มากมูล รอง สว.สส.พร้อมกำลังออกทำการสืบสวน
พ.ต.ท.ประเสริฐ สุ่มมาตร สวป.พร้อมชุดสืบสวน ทราบว่าที่ “ร้านพนมรุ้ง” ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าตลาดทองกู้เกียรติกุล ใจกลางเมืองบุรีรัมย์ ได้ลักลอบจำหน่ายเสื้อผ้ายีนส์ละเมิดลิขสิทธิ์ จึงทำการตรวจค้นพบกางเกงยีนยี่ห้อดังกว่า 80 ตัว วางไว้ในร้าน จากการตรวจค้นพบยาบ้าซ่อนในกระเป๋า 10 เม็ด พร้อมกระสุนปืนขนาดต่างๆ ซ่อนในห้องนอน โดยได้ควบคุมตัวเจ้าของร้านคือ นายคำมุน หลงรัก อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.7 ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งรับว่าสินค้าทั้งหมดได้ลักลอบจำหน่าย ส่วนยาบ้าเป็นของตนเองจริงโดยตนติดยาบ้าและซ่อนไว้เสพประจำ
ต่อมาขณะชุดสืบสวนทำการตรวจค้นอยู่ได้มี นายรณชัย หรือ ป๊อป แช่มรัมย์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.19 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ และเป็นเจ้าของร้านขายข้าวแกง “นริศรา” ตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานสหกรณ์ครูบุรีรัมย์ ได้เข้ามาที่ร้านพอพบตำรวจได้แสดงอาการพิรุธ ชุดสืบสวนจึงได้ทำการขอตรวจค้นพบในตัวมียาบ้า 46 เม็ด จึงนำตัวมาสอบสวน โดย นายรณชัย รับสารภาพว่า กำลังนำยาบ้ามาส่งให้นายคำมุน หลงรัก เจ้าของร้านเสื้อดังกล่าว จากนั้นชุดจับกุมได้ขยายผลนำไปค้นที่บ้านพัก อ.บ้านด่าน ได้ยาบ้าเพิ่มอีกรวมเป็น 176 เม็ด
จากการสอบสวนทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่าติดยาบ้ามาก ได้ทำการสั่งซื้อยาบ้าจากนายสุธี หรือ เอ๊ก พู่ระหง ในราคาเม็ดละ 250 บาท โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเมื่อเงินผ่านแล้วก็จะนำมาให้ตนกับนายรณชัย เมื่อได้มาก็จะนำมาเสพและจำหน่ายในราคาเม็ดละ 450-500 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำทั้ง 2 คน มาตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง จึงนำตัวส่งให้ พ.ต.ท.ไชยา สระโสม สารวัตรเวร ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหา “มียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่าย” ก่อนจะขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป