อยุธยา- เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนโบราณขนาดใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ.อยุธยา โดยมีบ้านวอดไป 2 หลัง คาดสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
เวลา 09.00 น.วันที่ 19 มกราคม 54 พ.ต.ท.โกศล ภาคาหาญ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนหัวแหลม ฝั่งสุเหร่า ที่เป็นชุมชนโบราณขนาดใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ยกใต้ถุนสูง เลขที่ ท 19/19 ม.4 ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งพร้อมด้วย พ.ต.ท.พิชา รุจินาม รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา และ ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำเรือดับเพลิง 1 ลำ และรถดับเพลิง 5 คัน เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ด้วยที่เกิดเหตุเป็นชุมชนเก่าแก่ ก่อสร้างด้วยไม้ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีลมหนาวพัดแรง ซึ่งประชาชนบ้านเรือนข้างเคียงต่างเร่งขนย้ายสิ่งของหนีออกจากบ้านอย่างชุลมุน
นอกจากนี้ ยังพบว่า คนในชุมชนจำนวนมากต่างให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น นำถังน้ำมาตักน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยกันสาดเข้าไปในบ้านต้นเพลิง ขณะที่พนักงานดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำจากเรือดับเพลิงและรถดับเพลิง และสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาทีสามารถดับเพลิงลงได้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ พบว่า มีบ้านไม้เก่าขนาดใหญ่ถูกเพลิงเผาวอดเสียหายทั้งหลังไป 2 หลัง โดยเป็นหลังต้นเพลิงมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีบ้านข้างเคียงถูกเพลิงไหม้เสียหายไปอีก 1 หลัง ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ตรวจสอบพบว่าบ้านต้นเพลิงและเป็นบ้านที่ถูกเพลิงเผาเป็นของ นายสุวัฒน์ มีโพธิ์สม อายุ 67 ปี ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังกับภรรยาที่อายุมากเช่นกัน โดยช่วงเกิดเหตุทั้ง 2 คนเพิ่งออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอกบ้าน โดยในบ้านช่วงเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ เชื่อว่า อาจเป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจรจึงทำให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้เร่งให้การช่วยเหลือด้วยการตั้งเต็นท์ให้พักอาศัยชั่วคราว พร้อมจัดหาสิ่งของจำเป็นมาให้ พร้อมให้เร่งทำเรื่องขอรับการช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ และประสานจัดหางบประมาณเพื่อนำมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้เช่นกัน
เวลา 09.00 น.วันที่ 19 มกราคม 54 พ.ต.ท.โกศล ภาคาหาญ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนหัวแหลม ฝั่งสุเหร่า ที่เป็นชุมชนโบราณขนาดใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ยกใต้ถุนสูง เลขที่ ท 19/19 ม.4 ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งพร้อมด้วย พ.ต.ท.พิชา รุจินาม รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา และ ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำเรือดับเพลิง 1 ลำ และรถดับเพลิง 5 คัน เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ด้วยที่เกิดเหตุเป็นชุมชนเก่าแก่ ก่อสร้างด้วยไม้ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีลมหนาวพัดแรง ซึ่งประชาชนบ้านเรือนข้างเคียงต่างเร่งขนย้ายสิ่งของหนีออกจากบ้านอย่างชุลมุน
นอกจากนี้ ยังพบว่า คนในชุมชนจำนวนมากต่างให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น นำถังน้ำมาตักน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยกันสาดเข้าไปในบ้านต้นเพลิง ขณะที่พนักงานดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำจากเรือดับเพลิงและรถดับเพลิง และสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาทีสามารถดับเพลิงลงได้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ พบว่า มีบ้านไม้เก่าขนาดใหญ่ถูกเพลิงเผาวอดเสียหายทั้งหลังไป 2 หลัง โดยเป็นหลังต้นเพลิงมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีบ้านข้างเคียงถูกเพลิงไหม้เสียหายไปอีก 1 หลัง ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ตรวจสอบพบว่าบ้านต้นเพลิงและเป็นบ้านที่ถูกเพลิงเผาเป็นของ นายสุวัฒน์ มีโพธิ์สม อายุ 67 ปี ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังกับภรรยาที่อายุมากเช่นกัน โดยช่วงเกิดเหตุทั้ง 2 คนเพิ่งออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอกบ้าน โดยในบ้านช่วงเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ เชื่อว่า อาจเป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจรจึงทำให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้เร่งให้การช่วยเหลือด้วยการตั้งเต็นท์ให้พักอาศัยชั่วคราว พร้อมจัดหาสิ่งของจำเป็นมาให้ พร้อมให้เร่งทำเรื่องขอรับการช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ และประสานจัดหางบประมาณเพื่อนำมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้เช่นกัน