ตราด - เกษตรจังหวัดตราดส่งเสริมการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันควบคู่กัน แนวโน้มราคาจะสูงต่อเนื่อง แนะเกษตรกรซื้อพันธุ์ปาล์มจากกรมวิชาการเกษตร ควรปลูกในพื้นที่เหมาะกับสภาพของพืชทั้งสองชนิด
นายสมชัย ธีระวงศ์สกุล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เปิดเผยว่า พื้นที่การปลูกยางพาราในภาพรวมทั้งจังหวัดมีมากกว่า 200,000 ไร่ ที่ให้ผลผลิตได้แล้ว 150,000 ไร่ มีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาท /ไร่/ปี
จากการสำรวจราคาในตลาดกลาง ทั้งน้ำยา ยางแผ่นและขี้ยางมีราคาสูงพอสมควร ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกร ส่วนแนวโน้มในอนาคตคาดว่าราคาจะสูงขึ้นในระยะเวลานาน เพราะประเทศจีนมีความต้องการนำเข้ายางพาราจำนวนมาก รวมทั้งอินเดียและเกาหลี สำหรับพันธุ์ยางที่เกษตรกรปลูกส่วนใหญ่จะเป็น RIM 600, GT 1 โดยยังไม่มีการปลูกยางพันธุ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา
นายสมชัยยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ปาล์มน้ำมันมีพื้นที่การปลูกจำนวน 50,000 ไร่ และให้ผลผลิตแล้ว 30,000 ไร่ มีรายได้เฉลี่ย 20,000 - 30,000 บาท/ไร่/ปี ส่วนแนวโน้มความต้องการด้านอุตสาหกรรมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมีสูง คาดว่าราคาอีก 2 - 3 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 6 บาท/กิโลกรัม เพราะปาล์มเป็นพืชที่มีผลตอบแทนสูง
จึงขอแนะนำเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรติดต่อขอซื้อพันธุ์จากกรมวิชาการ ซึ่งพันธุ์ที่เพาะขึ้นเองจะเป็นเป็นพันธุ์ผสมซึ่งให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร ในอนาคต 10 -15 ปี พืชทั้งสองชนิดนี้จะยังคงมีราคาสูงและ จะมีการส่งเสริมการปลูกควบคู่กัน
ด้านนายสมนึก อนันต์ เกษตรอำเภอเมืองตราด เปิดเผยว่า สถานการณ์ยางพาราและปาล์มน้ำมันมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีแนวโน้มสูงเพิ่มขึ้นในอนาคต ในอำเภอเมืองมีพื้นที่การปลูกยางพารา 105,000 ไร่ ที่ให้ผลผลิตแล้วมีพื้นที่ 70,000 ไร่
สำหรับพันธุ์ยางพารา ที่แนะนำและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกคือ พันธุ์ RRIM 600 และ RRII 251 ทั้งนี้ควรปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นจะพื้นที่เนินสูง , น้ำไม่แช่ขัง ส่วนปาล์มน้ำมันมีพื้นที่การปลูกทั้งหมด 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 3,000 ไร่ และเหมาะที่จะปลูกในพื้นที่ลุ่มหรือที่นาเก่า ซึ่งพืชทั้งสองชนิดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาสูง และเป็นพืชที่มีการส่งเสริมปลูกควบคู่กัน เกษตรกรควรปลูกพืชทั้งสองชนิดในพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะจะทำให้มีผลผลิตที่ดี
นายสมชัย ธีระวงศ์สกุล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เปิดเผยว่า พื้นที่การปลูกยางพาราในภาพรวมทั้งจังหวัดมีมากกว่า 200,000 ไร่ ที่ให้ผลผลิตได้แล้ว 150,000 ไร่ มีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาท /ไร่/ปี
จากการสำรวจราคาในตลาดกลาง ทั้งน้ำยา ยางแผ่นและขี้ยางมีราคาสูงพอสมควร ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกร ส่วนแนวโน้มในอนาคตคาดว่าราคาจะสูงขึ้นในระยะเวลานาน เพราะประเทศจีนมีความต้องการนำเข้ายางพาราจำนวนมาก รวมทั้งอินเดียและเกาหลี สำหรับพันธุ์ยางที่เกษตรกรปลูกส่วนใหญ่จะเป็น RIM 600, GT 1 โดยยังไม่มีการปลูกยางพันธุ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา
นายสมชัยยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ปาล์มน้ำมันมีพื้นที่การปลูกจำนวน 50,000 ไร่ และให้ผลผลิตแล้ว 30,000 ไร่ มีรายได้เฉลี่ย 20,000 - 30,000 บาท/ไร่/ปี ส่วนแนวโน้มความต้องการด้านอุตสาหกรรมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมีสูง คาดว่าราคาอีก 2 - 3 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 6 บาท/กิโลกรัม เพราะปาล์มเป็นพืชที่มีผลตอบแทนสูง
จึงขอแนะนำเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรติดต่อขอซื้อพันธุ์จากกรมวิชาการ ซึ่งพันธุ์ที่เพาะขึ้นเองจะเป็นเป็นพันธุ์ผสมซึ่งให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร ในอนาคต 10 -15 ปี พืชทั้งสองชนิดนี้จะยังคงมีราคาสูงและ จะมีการส่งเสริมการปลูกควบคู่กัน
ด้านนายสมนึก อนันต์ เกษตรอำเภอเมืองตราด เปิดเผยว่า สถานการณ์ยางพาราและปาล์มน้ำมันมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีแนวโน้มสูงเพิ่มขึ้นในอนาคต ในอำเภอเมืองมีพื้นที่การปลูกยางพารา 105,000 ไร่ ที่ให้ผลผลิตแล้วมีพื้นที่ 70,000 ไร่
สำหรับพันธุ์ยางพารา ที่แนะนำและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกคือ พันธุ์ RRIM 600 และ RRII 251 ทั้งนี้ควรปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นจะพื้นที่เนินสูง , น้ำไม่แช่ขัง ส่วนปาล์มน้ำมันมีพื้นที่การปลูกทั้งหมด 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 3,000 ไร่ และเหมาะที่จะปลูกในพื้นที่ลุ่มหรือที่นาเก่า ซึ่งพืชทั้งสองชนิดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาสูง และเป็นพืชที่มีการส่งเสริมปลูกควบคู่กัน เกษตรกรควรปลูกพืชทั้งสองชนิดในพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะจะทำให้มีผลผลิตที่ดี
