ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษนำคณะบุก “กัมพูชา”เปิดตลาดขาย“โอทอป”ร่วม จ.พระวิหาร

ศรีสะเกษ - ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ฝ่ากระแสตึงเครียดจับ 7 คนไทย นำคณะบุกกัมพูชาเปิดตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนในงาน “มหกรรมการจัดแสดงและจำหน่วยสินค้าโอทอปเชื่อมสายสัมพันธ์ จ.ศรีสะเกษ - พระวิหาร” ที่ ลานสนามกีฬาประจำจ.พระวิหาร กัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าการท่องเที่ยวและเชื่อมสัมพันธไมตรีของ 2 จังหวัด 2 ประเทศเพื่อนบ้าน

วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานสนามกีฬาประจำ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา จะค่อนข้างตรึงเครียด จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาจับกุม 7 คนไทยไปดำเนินคดีที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการที่ จ.ศรีสะเกษ ประเทศไทย และ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ร่วมกันจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนของสองจังหวัดสองประเทศ

โดยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชาติของกัมพูชา นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นายอม มารา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วย นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะ ได้ร่วมกันเปิดงานมหกรรมการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าโอทอปเชื่อมสายสัมพันธ์ จ.ศรีสะเกษ กับ จ.พระวิหาร ที่ลานสนามกีฬาประจำ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ท่ามกลาง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทั้งชาวศรีสะเกษ และชาวพระวิหาร มาร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมาก การจัดงานในครั้งนี้ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการนำเอาสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและผลผลิตทางการเกษตรจาก 22 อำเภอของ จ.ศรีสะเกษ มาเปิดตลาดจำหน่าย ขณะที่ชาว จ.พระวิหารได้นำเอาสินค้าผลิตภัณฑ์พื้นเมืองและสินค้าต่าง ๆ มาจำหน่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งมีประชาชนนักท่องเที่ยวชาวไทย- กัมพูชา มาหาซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง และหลังจากประกอบพิธีเปิดงานผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ พร้อมด้วย ผู้ว่าฯ พระวิหาร ได้นำคณะเดินชมผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 จังหวัด ที่นำมาจำหน่ายภายในงานครั้งนี้ร่วมกัน

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา มีการติดต่อเชื่อมสัมพันธ์กันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปีแล้ว และได้ทำบันทึกความร่วมมือและความเข้าใจกันไว้เป็นจำนวน 24 ฉบับ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้าระหว่างไทย-กัมพูชานั้นมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปี 2551 มีมูลค่ารวมกว่า 49 พันล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29

ส่วนด้านการท่องเที่ยวได้มีนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ชาติ เดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการจะเปิดแหล่งท่องเที่ยวเขาพระวิหารร่วมกัน ซึ่งจะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากชาวไทยและต่างประเทศมาท่องเที่ยวเดือนละไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ส่งผลให้ประชาชนทั้ง 2 จังหวัด คือ จ.ศรีสะเกษ และ จ.พระวิหาร มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงได้ขอให้ ผู้ว่าฯ พระวิหาร นำความปรารถนาดีนี้เสนอต่อรัฐบาลกัมพูชาต่อไป

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในการจัดงานการแสดงและจำหน่ายสินค้าโอทอปเชื่อมสายสัมพันธ์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.พระวิหาร ในครั้งจ.ศรีสะเกษ ได้นำสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน เครื่องอุปโภคบริโภค และสินค้าการเกษตรมาแสดงและจำหน่ายในราคาเดียวกันกับประเทศไทย ตั้งแต่ราคา 5 บาท จนถึง 1,000 บาท ซึ่งการที่สองจังหวัดได้จัดกิจกรรมร่วมกันนี้ทำให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและที่สำคัญคือ เกิดการประสานความรักใคร่ สามัคคีปรองดอง เชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันของประชาชนทั้งสองจังหวัดให้ต่อเนื่องยาวนานสืบไป

ด้าน นายอม มารา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร กัมพูชา กล่าวว่า การจัดมหกรรมการจัดแสดงและจำหน่วยสินค้าโอทอปเชื่อมสายสัมพันธ์ จ.พระวิหาร กับ จ.ศรีสะเกษ ครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นในการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันของประชาชนทั้งสองจังหวัด ในโอกาสต่อไปตนจะเชิญ จ.ศรีสะเกษ รวมทั้งจังหวัดที่อยู่ในเขตสปป.ลาว และประเทศเวียดนาม มาจัดการแสดงสินค้าในลักษณะเช่นนี้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชนที่มีพรมแดนอยู่ใกล้ชิดติดกันและเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สินค้าโอทอปที่นำเอามาจากจ.ศรีสะเกษ รวมทั้งสินค้าผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่เป็นของจ.พระวิหาร ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาพากันมาหาเลือกซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สินค้าทุกอย่างขายหมดในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทย-กัมพูชามีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้เป็นอย่างดี