ศูนย์ข่าวศรีราชา- ศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงที่ 6 ยันปีนี้ภาคตะวันออกไม่ได้รับผลกระทบด้านภัยแล้งเหมือนปีที่ผ่านมา สถานการณ์โดยรวมน้ำในอ่างเก็บน้ำยังมีน้ำเหลือใช้เกินครึ่งคาดว่าฝ่าวิกฤตภัยแล้งไปได้อย่างไร้กังวล แต่ไม่ประมาทเพราะมีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่ 6 (ภาคตะวันออก) สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายทวี กาญจนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่ 6 (ภาคตะวันออก) ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ ซึ่งมีความแห้งแล้วกว่าทุกปี
ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่ 6 ภาคตะวันออก จึงได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านอุปกรณ์ บุคลากร และได้ขยายความช่วยเหลือออกไปทางด้านจังหวัดจันทบุรี และตราด โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่สนามบินอู่ตะเภา พร้อมกับส่งเครื่องบิน คาราแวน 3 เครื่อง ปฏิบัติการทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชฤดูแล้ง
แต่ปัจจุบันภูมิประเทศในบางพื้นที่ได้พบอุปสรรคในด้านก้อนเมฆที่มีความชื้นสัมพัทธ์ไม่เพียงพอในการทำฝนหลวง แต่จากการสำรวจแล้ว คาดว่า พื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ชลบุรี ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และนครนายก ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบไม่น่าจะมีอุปสรรค เนื่องจากได้ตรวจสอบไปยังอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกยังมีน้ำเหลือใช้อยู่มาก เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ยังมีน้ำอยู่ 73% อ่างเก็บน้ำบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังมีน้ำอยู่ 47% ส่วนอ่างเก็บน้ำ 2 แห่งในพื้นที่จังหวัดระยอง ยังมีน้ำเหลือใช้เกินครึ่ง สำหรับเกษตรที่อยู่นอกเขตโครงการชลประทาน อาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ก็ไม่มาก
สำหรับการสำรวจภูมิอากาศในวันนี้ พบมีก้อนเมฆที่มีความชื้นสัมพัทธ์เพียงพอบริเวณต้นลม ด้านจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้มีการนำเครื่องบิน จำนวน2 ลำ บรรทุกสารเคมี ขึ้นโปรยสารเคมีในระดับความสูง 5,000 ฟิต เป็นการสร้างความชื้นให้กับชั้นบรรยากาศในเบื้องต้นก่อน ถึงแม้ว่า ความชื้นสัมพัทธ์จะยังมีน้อยอยู่ก็ตาม คาดว่า จะได้ผลประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ แต่หากมีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ก็จะเกิดฝนตกลงบริเวณ จังหวัดระยองและชลบุรี สามารถช่วยเหลือเกษตรกรตลอดจนลดความแห้งแล้งไปได้ในระยะหนึ่ง