xs
xsm
sm
md
lg

หัวใสซ่อนยาบ้าในหมวกกันน็อกหนีไม่รอดถูกรวบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลย - แก๊งค้ายานรกหัวใส ซุกยาบ้าแนวใหม่ ใต้หมวกกันน็อก แลกหมวกแล้วเผ่น ตำรวจเมืองเลยรวบได้กรณีแรก พร้อมของกลาง 1,566 เม็ด

วันนี้ (9 มี.ค.) พ.ต.อ.กิตติ แดงสมบูรณ์ ผกก.สภ.ท่าลี่, พ.ต.ท.ภูวดล อุ่นโพธิ สว.สส.สภ.ท่าลี่/หน.ชุด ปส.ภ.จว.เลย, ร.ต.ท.สมภพ กองสมบัติ, ร.ต.ท.บัญชา ศรีสร้อย ฯลฯ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ท่าลี่ โดย พ.ต.ท.ธำรงชัย ไล้ทองดี รอง ผกก.สส.สภ.ท่าลี่, ร.ต.ท.บุญทรง แสงรัตน์ รอง สว.สส.สภ.ท่าลี่ และ นายกฤษดา โพธิ์ชัย ปลัดหัวหน้าฝ่ายปกครองอำเภอท่าลี ได้สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาบ้าจากลาวไปทางอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย จึงได้ไปตั้งจุดสกัดที่บ้านวัง ต.ท่าลี่

ตามเวลาดังกล่าว มีรถจักรยานยนต์ทะเบียน 69 เลย วิ่งมาจากตัวอำเภอท่าลี่ จึงสกัดเพื่อตรวจค้น ทราบชื่อ นายประสิทธิ์ ภักดีมี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมุ่ 11 ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จว.เลย และ ท้าวกาน แสงมณีจันทร์ อายุ 37 ปี ราษฎร บ้านเมืองหมอ เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบูลี สปป.ลาว ตรวจค้นยาบ้าจำนวน 1,566 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในหมวกกันน็อกที่บุหุ้มอย่างดีใต้โฟมซ่อนไว้ใต้หมวก

นายประสิทธิ์ เป็นผู้สวมหมวกใบดังกล่าว พบเงินสดจำนวน 2,300 บาท ในกระเป๋ากางเกงด้านขวามือตัวที่ นายประสิทธิ์ สวมใส่อยู่

จากการสอบสวนทั้งสองให้การรับสารภาพว่า เป็นของทั้งสองคนจริง โดยผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมารับยาบ้าจากผู้ต้องหาที่ 2 แถว ๆ อ.ท่าลี่ จว.เลย โดยได้ค่าจ้าง 3,000 บาท ก่อนถูกจับกุมได้เดินทางมารับ นายท้าวกาน แสงมณีจันทร์ แล้วจะเดินทางกลับ และถูกจับกุมดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา นายประสิทธิ์ ภักดีมี ร่วมกันมี ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และให้เข้าพัก อาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และแจ้งข้อหา นายท้าวกาน แสงมณีจันทร์ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าลี่ จ.เลย ดำเนินคดีต่อไป

เป็นที่สังเกตว่า ปัจจุบันการใช้หมวกกันน็อกในการซุกซ่อนยาบ้านั้น ในพื้นที่จังหวัดเลย เพิ่งจับได้เป็นคดีแรกและจะมีการขยายผลในการสังเกตพฤติกรรม ผู้ค้าที่จะซุกซ่อนยาบ้าในอุปกรณ์ดังกล่าว คาดว่า จะเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ค้าและกลุ่มวัยรุ่น เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ


กำลังโหลดความคิดเห็น