กาญจนบุรี - นักวิชาการด้านสังคม อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี ชี้คดียึดทรัพย์สังคมต้องยอมรับ แต่หากไม่ยอมรับจะแตกแยกไม่สิ้นสุด
อาจารย์ ศุภกิจ จงศักดิ์สวัสดิ์ นักวิชาการด้านสังคม อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดในการให้ความเห็น ในเบื้องต้นคิดว่าต้องทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชากรในสังคมให้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงว่าเกิดจากสาเหตุใดจึงต้องเกิดกรณีนี้ขึ้น และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างข้างใดข้างหนึ่งได้
สิ่งที่สังคมต้องพิจารณาเกี่ยวกับการติดตามคดีนี้ คือ 1.สังคมต้องให้การยอมรับไม่ว่าผลการพิพากษาออกมาอย่างไร เพื่อเป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมของประเทศไทยว่า เรามีกฎหมายมีกฎระเบียบทางสังคมที่ทุกฝ่ายต้องเคารพในกติกาทางสังคม ต้องได้รับทราบว่าคดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องผลประโยชฯส่วนตัวหรือผประโยชน์ส่วนรวม ตรงนี้หากทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเหตุเกิดขึ้นจากส่วนตัวหรือส่วนรวมรู้จักแยกแยะว่าเกิดเพราะเหตุใดจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด ต้องให้เป็นบทเรียนรู้แก่สังคม
2.สังคมต้องรับรู้ว่า วันนี้ผลกระทบจากคดีนี้จะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ต้องแสดงต่อนานาชาติว่า กฎหมายเรามีความยุติธรรมและเป็นที่เชื่อถือได้ และประการสุดท้ายนั้นสำคัญที่สุด คือการรวมเป็นหนึ่งของความเป็นชาติที่ต้องถือว่าสูงสุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วรรวมหรือชาติต้องเป็นหลักของสังคมไทย
อาจารย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าผลการตัดสินออกมาอย่างไร หากคนไทยยอมรับในการตัดสินคดีของศาลว่าเป็นที่สิ้นสุดก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากประชาชนไม่มีความรับรุ้ในหลัการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผลที่ตามมาก็จะทำให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและอาจจะบานปลายไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมอย่างต่อเนื่องจนหาจุดจบไม่ได้
อาจารย์ ศุภกิจ จงศักดิ์สวัสดิ์ นักวิชาการด้านสังคม อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดในการให้ความเห็น ในเบื้องต้นคิดว่าต้องทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชากรในสังคมให้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงว่าเกิดจากสาเหตุใดจึงต้องเกิดกรณีนี้ขึ้น และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างข้างใดข้างหนึ่งได้
สิ่งที่สังคมต้องพิจารณาเกี่ยวกับการติดตามคดีนี้ คือ 1.สังคมต้องให้การยอมรับไม่ว่าผลการพิพากษาออกมาอย่างไร เพื่อเป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมของประเทศไทยว่า เรามีกฎหมายมีกฎระเบียบทางสังคมที่ทุกฝ่ายต้องเคารพในกติกาทางสังคม ต้องได้รับทราบว่าคดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องผลประโยชฯส่วนตัวหรือผประโยชน์ส่วนรวม ตรงนี้หากทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเหตุเกิดขึ้นจากส่วนตัวหรือส่วนรวมรู้จักแยกแยะว่าเกิดเพราะเหตุใดจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด ต้องให้เป็นบทเรียนรู้แก่สังคม
2.สังคมต้องรับรู้ว่า วันนี้ผลกระทบจากคดีนี้จะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ต้องแสดงต่อนานาชาติว่า กฎหมายเรามีความยุติธรรมและเป็นที่เชื่อถือได้ และประการสุดท้ายนั้นสำคัญที่สุด คือการรวมเป็นหนึ่งของความเป็นชาติที่ต้องถือว่าสูงสุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วรรวมหรือชาติต้องเป็นหลักของสังคมไทย
อาจารย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าผลการตัดสินออกมาอย่างไร หากคนไทยยอมรับในการตัดสินคดีของศาลว่าเป็นที่สิ้นสุดก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากประชาชนไม่มีความรับรุ้ในหลัการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผลที่ตามมาก็จะทำให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและอาจจะบานปลายไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมอย่างต่อเนื่องจนหาจุดจบไม่ได้