xs
xsm
sm
md
lg

ยังไร้ทิศทางควบคุมฝุ่นแป้งมันกลางอ่าวศรีราชา-เกาะสีชัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฝุ่นแป้งมันกลางอ่าวศรีราชา-เกาะสีชัง ยังไร้ทิศทางการควบคุมดูแลผลกระทบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาดูแลรับผิดชอบอย่างจริงจัง


นายฉัตรชัย ทิมกระจ่าง นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และในฐานะ ผู้จัดการโครงการจัดการชายฝั่งแบบบูรณาการจังหวัดชลบุรี (ไอซีเอ็ม) กล่าวถึง ปัญหาฝุ่นละอองจากการขนถ่ายแป้งมันสำปะหลังจากเรือขนถ่ายสินค้าที่จอดทอดสมอบริเวณอ่าวศรีราชาและเกาะสีชังนั้น ยังไม่มีทิศทางในการควบคุมดูแลที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน เนื่องจากเป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาดูแลรับผิดชอบอย่างจริงจัง

ที่ผ่านมาองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ มีการวางมาตรการดูแล เพื่อไม่ให้ผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากหวั่นจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากแป้งมันสำปะหลังและสินค้าประเภทอื่นที่มีฝุ่นละออง มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ หากมีการเข้มงวดและเพิ่มมาตรการดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการหวั่นไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ทำให้ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อมานานหลายสิบปีแล้ว

นายฉัตรชัยกล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และในช่วงนี้ยังไม่มีการร้องเรียน เนื่องจากอยู่ในช่วงทิศทางของลมพัดจากฝั่งออกสู่ทะเล ทำให้ฝุ่นแป้งมันไม่เข้าสู่ชายฝั่งในขณะนี้ แต่หลังจากนี้ในช่วงเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมนี้ ประชาชนจะได้รับฝุ่นแป้งมันอย่างแน่นอน และในช่วงหน้าหนาวก็จะได้รับผลกระทบอีก

“ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ แต่ผู้ประกอบการจะต้องลงทุน เพิ่มในการติดตั้งอุปกรณ์ในการป้องกันฝุ่นละออง หรือต้องเพิ่มระยะเวลาในการขนถ่ายสินค้ามากขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าว ผู้ประกอบการอ้างว่าไม่คุ้มทุนหรือไม่สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ทำให้ไม่มีทิศทางที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้ยุติลงได้ “นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัยกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมามีรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ดูแลทางด้านนี้โดยตรง มาเห็นปัญหาหรือได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้มาโดยตลอด เป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้น จนหน่วยงานในพื้นที่ก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างไร เพียงแต่เมื่อเกิดปัญหาก็แก้ไขตามความสามารถที่มีเท่านั้น และเร็วๆ นี้คงจะเกิดปัญหาขึ้นอีกแน่

กำลังโหลดความคิดเห็น