ฉะเชิงเทรา ตำรวจแปดริ้วเริ่มสับสน ยิ่งสาวลึกยิ่งเริ่มเข้าสู่ทางตัน หลังแนวทางการสืบสวนคลายเกลียวปม คดียิงสังหารหัวคะแนนบ้านใหญ่ “ฉายแสง” อดีต ส.อบจ.คนดังเมืองแปดริ้ว เริ่มไขว้เขวหนัก หลังพยานแวดล้อมขัดแย้งกัน เผยหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นนายก อบต.หนามแดง คนใหม่ ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับธุรกิจอื่นใดอีก
วันนี้( 7 ก.พ.53) เวลา 16.30 น. พ.ต.อ.สุเทพ บุญค้ำ ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความคืบหน้า ในการสืบสวนคลี่คลายคดี คนร้ายใช้รถยนต์เก๋งป้ายแดง พร้อมอาวุธปืนสงคราม ขับตามประกอบยิงถล่ม ส.อ.อานุ โพธิ์อ่อน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/4 ม.1 ต.หนามแดง อ.เมืองฉะเชิงเทรา อดีต ส.อบจ.เขตพื้นที่ อ.เมือง และเพิ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นนายก อบต.หนามแดง เมื่อวันที่ 6 ก.ย.52 ที่ผ่านมา จนเสียชีวิตคารถเก๋ง เมื่อช่วงสายของ วันที่ 5 ก.พ.53 ที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายบางหมู-เกาะดอน พื้นที่ ม.5 ต.หนามแดง ตามที่ได้เสนอข่าวผ่านไปก่อนหน้าแล้วนั้น
ล่าสุดในวันนี้ จากการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีแล้ว พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดใดๆ ในการที่จะทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ เนื่องจากที่ผ่านมา หลังจาก ส.อ.อานุ ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายก อบต.แล้ว ก็ได้หยุดการประมูลงานรับเหมา และไม่ได้ทำธุรกิจ หรือประกอบอาชีพอื่นใด จึงทำให้ขณะนี้ ยังไม่มีประเด็นใดๆ ที่ชัดเจน ที่จะสาวไปถึงตัวของคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ทั้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น หลังเลือกตั้งคู่แข่งก็ไม่ได้มีการร้องเรียนเรื่องผลของการเลือกตั้ง และไม่ได้มีความรุนแรงในการแข่งขันมากนัก และคู่แข่งก็ได้ประกาศวางมือทางการเมืองไปก่อนหน้าแล้วด้วย ส่วนเรื่องชู้สาวนั้น ถึงผู้ตายจะมีภรรยาถึง 2 คน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน โดยก่อนวันเกิดเหตุ หลังจากผู้ตายได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปชุมนุม พร้อมอ่านแถลงการณ์ยังหน้ากองพลทหารราบที่ 11 และเดินทางไปชุมนุมต่อ เพื่อขับไล่ปลัดอำเภอ ที่หน้าที่ว่าการ อ.บ้านโพธิ์ แล้ว ยังได้กลับไปอยู่กับภรรยาน้อย ซึ่งมีอาชีพ เป็นข้าราชการครู และทำกิจกรรมต่อสู้ทางการเมืองในกลุ่มของคนเสื้อแดงร่วมกัน
ก่อนที่จะออกจากบ้านภรรยาน้อยไป ในวันเกิดเหตุ เมื่อเวลา 08.10 น. เพื่อกลับไปยังบ้านภรรยาหลวง จากนั้นจึงได้ออกจากบ้านภรรยาหลวงเพื่อเดินทางไปทำงาน เมื่อเวลา 09.20 น. จนถึงที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 09.30 น. จึงถูกคนร้ายลงมือตามประกบสังหารจนเสียชีวิตในที่สุด
ส่วนในเรื่องของผลประโยชน์ เกี่ยวกับการประมูลงานต่างๆ นั้น ก็ยังไม่ชัดเจน และอาจจะไม่ใช่ประเด็นในการสังหารในครั้งนี้ เพราะผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประมูลงานใดๆ แล้ว โดยตรง การประมูลงานรับเหมาทั้งหมดตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นของเพื่อนสนิท คือ นายบุญลือ พลรักษ์ นายก อบต.คลองอุดมชลจร ที่ถูกคนร้ายพยายามลอบสังหารไปก่อนหน้า ทั้งสิ้น และโครงการก็อยู่ในเขตพื้นที่ คลองอุดมฯ ทั้งหมด ผู้ตายจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการประมูลงานต่างๆ เลย
ในส่วนของการออกหมายจับ และบุกเข้าตรวจค้นบ้านของ นายคเชนทร์ สุวะดิษฐ์ อายุ 33 ปี นายทิวา ใยยะผลสุข อายุ 36 ปี และนายวัฒนา กวยสะกุนีย์ อายุ 36 ปี นั้น เป็นคนละคดีกัน โดยเป็นเรื่องของคดีเก่า ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่ทั้งสามคนถูก นายบุญลือ พลรักษ์ นายก อบต.คลองอุดมชลจร จำหน้าได้ อย่างแม่นยำพร้อมด้วยยานพาหะนะที่ใช้ในการก่อเหตุ ขณะถูกบุคคลทั้ง 3 พยายามก่อเหตุตามประกบสังหาร และกลับรถมายิงซ้ำ
นอกจากนี้ยังมีมูลเหตุมาก่อนหน้า ที่ นายบุญลือ จะถูกลอบสังหาร เนื่องจากได้มีเรื่องทะเลาะกับผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ในตำบลเดียวกัน มาก่อนหน้า 2 วัน และยังมีความขัดแย้งกันมาโดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องของการประมูลงาน โครงการทำบ่อประปา แต่ครั้งแรกที่สงสัยว่าอาจเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันนั้น เนื่องจากนายบุญลือ และ ส.อ.อานุ สนิทกัน และ คนร้ายมีพฤติการณ์การก่อเหตุที่คล้ายกัน คือ ใช้รถยนต์เก๋งเป็นยานพาหนะ และใช้อาวุธปืนอาก้าแบบเดียวกันในการก่อเหตุ เท่านั้น
ขณะนี้ทางการสืบสวนจึงยังไม่กล้าที่จะฟันธงว่า มูลเหตุของการสังหาร ส.อ.อานุ ในครั้งนี้ มาจากเรื่องใด ส่วนเรื่องทางการเมืองใหญ่ระดับชาตินั้น ก็ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากผู้ตายก็ได้เป็นแกนนำการเคลื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงมานานแล้ว ซึ่งหากจะถูกสังหารก็น่าจะโดนมานานแล้ว ส่วนการแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นขณะนี้ก็ไม่รุนแรง ส่วนเรื่องชู้สาวก็ไม่น่าเป็นไปได้ ขณะนี้จึงยังหาประเด็นการสังหารที่แท้จริงไม่เจอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะยังคงสาวหาประเด็นอื่นๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
ส่วนผลของการผ่าพิสูจน์หัวกระสุนนั้นได้เตรียมให้พนักงานสอบสวนไปรับผลยัง สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจแล้ว สำหรับกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุนั้นก็ยังไม่ชัดเจน ต้องทำการสืบสวนให้ทราบปัญหาเดิมของผู้ตายก่อน แต่จะทำการตรวจสอบไปยังกลุ่มมือปืนที่ใช้รถยนต์เก๋งทำงาน พร้อมด้วยอาวุธชนิดเดียวกันนี้ในคดีต่างๆ ที่คล้ายกันด้วย
วันนี้( 7 ก.พ.53) เวลา 16.30 น. พ.ต.อ.สุเทพ บุญค้ำ ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความคืบหน้า ในการสืบสวนคลี่คลายคดี คนร้ายใช้รถยนต์เก๋งป้ายแดง พร้อมอาวุธปืนสงคราม ขับตามประกอบยิงถล่ม ส.อ.อานุ โพธิ์อ่อน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/4 ม.1 ต.หนามแดง อ.เมืองฉะเชิงเทรา อดีต ส.อบจ.เขตพื้นที่ อ.เมือง และเพิ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นนายก อบต.หนามแดง เมื่อวันที่ 6 ก.ย.52 ที่ผ่านมา จนเสียชีวิตคารถเก๋ง เมื่อช่วงสายของ วันที่ 5 ก.พ.53 ที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายบางหมู-เกาะดอน พื้นที่ ม.5 ต.หนามแดง ตามที่ได้เสนอข่าวผ่านไปก่อนหน้าแล้วนั้น
ล่าสุดในวันนี้ จากการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีแล้ว พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดใดๆ ในการที่จะทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ เนื่องจากที่ผ่านมา หลังจาก ส.อ.อานุ ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายก อบต.แล้ว ก็ได้หยุดการประมูลงานรับเหมา และไม่ได้ทำธุรกิจ หรือประกอบอาชีพอื่นใด จึงทำให้ขณะนี้ ยังไม่มีประเด็นใดๆ ที่ชัดเจน ที่จะสาวไปถึงตัวของคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ทั้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น หลังเลือกตั้งคู่แข่งก็ไม่ได้มีการร้องเรียนเรื่องผลของการเลือกตั้ง และไม่ได้มีความรุนแรงในการแข่งขันมากนัก และคู่แข่งก็ได้ประกาศวางมือทางการเมืองไปก่อนหน้าแล้วด้วย ส่วนเรื่องชู้สาวนั้น ถึงผู้ตายจะมีภรรยาถึง 2 คน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน โดยก่อนวันเกิดเหตุ หลังจากผู้ตายได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปชุมนุม พร้อมอ่านแถลงการณ์ยังหน้ากองพลทหารราบที่ 11 และเดินทางไปชุมนุมต่อ เพื่อขับไล่ปลัดอำเภอ ที่หน้าที่ว่าการ อ.บ้านโพธิ์ แล้ว ยังได้กลับไปอยู่กับภรรยาน้อย ซึ่งมีอาชีพ เป็นข้าราชการครู และทำกิจกรรมต่อสู้ทางการเมืองในกลุ่มของคนเสื้อแดงร่วมกัน
ก่อนที่จะออกจากบ้านภรรยาน้อยไป ในวันเกิดเหตุ เมื่อเวลา 08.10 น. เพื่อกลับไปยังบ้านภรรยาหลวง จากนั้นจึงได้ออกจากบ้านภรรยาหลวงเพื่อเดินทางไปทำงาน เมื่อเวลา 09.20 น. จนถึงที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 09.30 น. จึงถูกคนร้ายลงมือตามประกบสังหารจนเสียชีวิตในที่สุด
ส่วนในเรื่องของผลประโยชน์ เกี่ยวกับการประมูลงานต่างๆ นั้น ก็ยังไม่ชัดเจน และอาจจะไม่ใช่ประเด็นในการสังหารในครั้งนี้ เพราะผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประมูลงานใดๆ แล้ว โดยตรง การประมูลงานรับเหมาทั้งหมดตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นของเพื่อนสนิท คือ นายบุญลือ พลรักษ์ นายก อบต.คลองอุดมชลจร ที่ถูกคนร้ายพยายามลอบสังหารไปก่อนหน้า ทั้งสิ้น และโครงการก็อยู่ในเขตพื้นที่ คลองอุดมฯ ทั้งหมด ผู้ตายจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการประมูลงานต่างๆ เลย
ในส่วนของการออกหมายจับ และบุกเข้าตรวจค้นบ้านของ นายคเชนทร์ สุวะดิษฐ์ อายุ 33 ปี นายทิวา ใยยะผลสุข อายุ 36 ปี และนายวัฒนา กวยสะกุนีย์ อายุ 36 ปี นั้น เป็นคนละคดีกัน โดยเป็นเรื่องของคดีเก่า ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่ทั้งสามคนถูก นายบุญลือ พลรักษ์ นายก อบต.คลองอุดมชลจร จำหน้าได้ อย่างแม่นยำพร้อมด้วยยานพาหะนะที่ใช้ในการก่อเหตุ ขณะถูกบุคคลทั้ง 3 พยายามก่อเหตุตามประกบสังหาร และกลับรถมายิงซ้ำ
นอกจากนี้ยังมีมูลเหตุมาก่อนหน้า ที่ นายบุญลือ จะถูกลอบสังหาร เนื่องจากได้มีเรื่องทะเลาะกับผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ในตำบลเดียวกัน มาก่อนหน้า 2 วัน และยังมีความขัดแย้งกันมาโดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องของการประมูลงาน โครงการทำบ่อประปา แต่ครั้งแรกที่สงสัยว่าอาจเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันนั้น เนื่องจากนายบุญลือ และ ส.อ.อานุ สนิทกัน และ คนร้ายมีพฤติการณ์การก่อเหตุที่คล้ายกัน คือ ใช้รถยนต์เก๋งเป็นยานพาหนะ และใช้อาวุธปืนอาก้าแบบเดียวกันในการก่อเหตุ เท่านั้น
ขณะนี้ทางการสืบสวนจึงยังไม่กล้าที่จะฟันธงว่า มูลเหตุของการสังหาร ส.อ.อานุ ในครั้งนี้ มาจากเรื่องใด ส่วนเรื่องทางการเมืองใหญ่ระดับชาตินั้น ก็ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากผู้ตายก็ได้เป็นแกนนำการเคลื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงมานานแล้ว ซึ่งหากจะถูกสังหารก็น่าจะโดนมานานแล้ว ส่วนการแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นขณะนี้ก็ไม่รุนแรง ส่วนเรื่องชู้สาวก็ไม่น่าเป็นไปได้ ขณะนี้จึงยังหาประเด็นการสังหารที่แท้จริงไม่เจอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะยังคงสาวหาประเด็นอื่นๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
ส่วนผลของการผ่าพิสูจน์หัวกระสุนนั้นได้เตรียมให้พนักงานสอบสวนไปรับผลยัง สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจแล้ว สำหรับกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุนั้นก็ยังไม่ชัดเจน ต้องทำการสืบสวนให้ทราบปัญหาเดิมของผู้ตายก่อน แต่จะทำการตรวจสอบไปยังกลุ่มมือปืนที่ใช้รถยนต์เก๋งทำงาน พร้อมด้วยอาวุธชนิดเดียวกันนี้ในคดีต่างๆ ที่คล้ายกันด้วย