ศรีสะเกษ - “ฮุนเซน” เยือนเขาพระวิหารสมใจ อ้างเพื่อความผาสุกของประชาชน 2 ประเทศ ต้องการให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วและเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่นเดิม ขณะ “มทภ.2” นำคณะตัวแทนรัฐบาลไทยขึ้นต้อนรับบนเขาวิหาร เผย นายกฯ เขมรไม่ล่วงล้ำอธิปไตยไทยใช้เวลาอยู่บนเขาพระวิหารแค่ 30 นาที ก่อนเปิดแนบกลับไปพักเสียมราฐ ก่อนเดินสายป่วนชายแดนไทยต่อ
วันนี้ (6 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) พร้อมด้วย นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, นายประสาท ปราสาทวินิจฉัย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และคณะนายทหารระดับสูงกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางโดยรถตู้ขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จากนั้นได้เดินทางขึ้นไปที่วัดแก้วศิกขาคีรีสวาระ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร
ทั้งนี้ เพื่อให้การต้อนรับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และนางบุญราณี เซน ภริยา ซึ่งเดินทางมาที่บริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 4 บริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อมาเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติที่บนเขาพระวิหารและทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปราสาทพระวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนมากมารอให้การต้อนรับ ขณะที่ทหารของกัมพูชาได้ระดมกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ต่อมาเวลา 11.40 น. สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และนางบุญราณี เซน ภริยา ได้เดินทางโดยรถยนต์ขึ้นมาจากบ้านโกมุย ฝั่งประเทศกัมพูชา ผ่านเขตพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารบริเวณวัดแก้วศิกขาคีรีสวาระ และได้เดินทางขึ้นไปที่บริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 4 บนปราสาทพระวิหาร โดยมีขบวนรถยนต์ติดตามมาหลายสิบคัน
ทั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและภริยา แต่งกายเครื่องแบบทหารกัมพูชาในชุดสนาม ได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาได้มีการจัดเตรียมไว้อย่างยิ่งใหญ่ โดยสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ใช้เวลาในการประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปราสาทพระวิหารประมาณ 20 นาที
จากนั้นได้มาพบปะกับ พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 และคณะของไทยที่รอต้อนรับอยู่ พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงของกัมพูชาที่มาคอยอำนวยความสะดวกให้กับคณะของแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่ง สมเด็จฯ ฮุนเซน ใช้เวลาในการพบปะหารือกับแม่ทัพภาคที่ 2 และคณะประมาณ 10 นาที จึงได้เดินทางกลับไป
จากนั้นคณะของแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางกลับลงมาจากปราสาทพระวิหาร และเดินทางโดยรถยนต์มาขึ้นเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่ที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังจากการขึ้นไปให้การต้อนรับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะ ที่ปราสาทพระวิหารแล้วว่า ตนพร้อมด้วย ผู้ว่าฯศรีสะเกษ และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทยไปให้การต้อนรับสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งมาเยี่ยมทหารกัมพูชา และทำพิธีบวงสรวงบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยตนได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.ที่บริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวงของฝ่ายกัมพูชา จากการที่ได้พบปะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้วทำให้ทราบเจตนารมณ์ของสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่า อยากเห็นสันติภาพและความผาสุกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่อยากให้เกิดสถานการณ์หรือมีเหตุการณ์ใดๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร แต่ต้องการให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
“สมเด็จฯ ฮุนเซน อยากให้มีการถอยกลับคืนไปก่อนเหตุการณ์วันที่ 15 ก.ค. 2551 ด้วยซ้ำไป เพื่อจะได้เห็นความผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยอยากให้เปิดปราสาทพระวิหารเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช่นเดิม เนื่องจากในช่วงนั้นไม่มีการวางกำลังทหารที่บริเวณเขาพระวิหาร” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ส่วนหลักที่เข้าไปคือที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าเป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลโลกที่ได้ตัดสินไปแล้ว ซึ่งการเดินทางขึ้นไปนั้นจะต้องเดินทางผ่านพื้นที่ทับซ้อนกันบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องผ่านบริเวณหลังวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ ขึ้นไปส่วนตนและคณะได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ไปรอต้อนรับที่วัดแก้วศิขาคีรีสวาระ
เมื่อถึงช่วงเวลาก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ตนและคณะได้รับการประสานงานจาก พล.อ.เจีย ดารา รอง ผู้บัญชาการทหารสูงสูด (รอง ผบ.สส.) กัมพูชาว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่ได้ผ่านทางด้านวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ และขอให้คณะของตนไปร่วมในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์ที่ปราสาทพระวิหาร บริเวณโคปุระชั้นที่ 4 ดังนั้น จึงได้มีการแยกกันเป็น 2 ส่วนโดยส่วนที่ 1 มีรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 และอีกส่วนหนึ่งรออยู่ที่วัด ซึ่งตนและคณะได้เดินขึ้นไปตามบันไดเขาพระวิหาร โดยมี พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา และคณะ มาต้อนรับ พอขึ้นไปถึงปราสาทโคปุระชั้นที่ 3 ก็มี พล.อ.เตีย บัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา และคณะ มารอต้อนรับ จากนั้นก็รอเวลาจนกระทั่งสมเด็จฯ ฮุน เซน ได้ทำพิธีสักการะและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วเสร็จ
จากนั้น คณะที่มาต้อนรับก็ได้นำตนเข้าไปพบปะกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเนื้อหาสาระส่วนมากเป็นการแนะนำตัวให้แต่ละฝ่ายได้รับทราบ โดยตนได้แนะนำตัวเองและคณะให้สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ทราบว่า ตนคือใคร และมาอย่างไรในฐานะที่เป็นผู้แทนของรัฐบาลไทย ซึ่งเดิมทีจะต้องไปให้การต้อนรับ สมเด็จฯ ฮุนเซนที่วัดแก้วศิกขาคีรีสวาระ แต่เมื่อได้รับเชิญจาก พล.อ.เตีย บัน ขอให้ไปต้อนรับที่บริเวณปราสาทพระวิหาร บริเวณโคปุระชั้นที่ 4 ซึ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน ก็ได้บอกขอบใจที่ได้ไปร่วมให้การต้อนรับในครั้งนี้
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่า ในการเดินทางมาของสมเด็จฯ ฮุนเซน ในครั้งนี้ ไม่ได้มีการล่วงล้ำอธิปไตยของไทยแต่อย่างใด โดยสมเด็จฯ ฮุนเซน ใช้เวลาอยู่ที่บริเวณเขาพระวิหาร ประมาณ 30 นาที เท่านั้นก่อนกลับลงไป ทราบเพียงว่าจะเดินทางไปพักที่ จ.เสียมราฐ กัมพูชา ซึ่งกำหนดการเดินทางของสมเด็จฯ ฮุนเซน นั้น ค่อนข้างจะปกปิดอาจเปลี่ยนแปลงและบางทีทางฝ่ายไทยอาจทราบกำหนดการที่แน่นอนไม่ได้ เพราะมีการทำกำหนดการจริงบ้างลวงบ้าง ยกตัวอย่างเช่นในวันนี้แจ้งว่าจะมาเวลาประมาณ 10.00 น. แต่มาถึงเวลาประมาณ 12.30 น.
“ส่วนสมเด็จฯ ฮุนเซน จะเดินทางไปยังปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์, อาคารตรีมุก สามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-กัมพูชา-สปป.ลาว ด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ และการพบปะพูดคุยดังกล่าวก็ไม่ได้มีการพูดถึง” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางฝ่ายไทยยังคงต้องมีการวางกำลังทหารไว้ตามปกติ และไม่มีการเพิ่มเติมกำลังทหารแต่อย่างใด ส่วนเรื่องเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นได้มีการประกาศไปแล้ว สำหรับเรื่องการแบ่งปันเขตแดนก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการปักปันเขตแดนที่จะต้องเข้ามาดำเนินการ ในช่วงนี้ตนได้กำชับกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณเขาพระวิหารให้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่ให้มีอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ใดเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นสาเหตุนำไปสู่ความตึงเครียดบริเวณเขาพระวิหาร ทั้งนี้จากการที่ได้พบปะหารือกับนายทหารระดับสูงของกัมพูชาแล้วต่างมีความเห็นว่าต้องการให้เกิดสันติสุขบริเวณเขาพระวิหารขึ้นและไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นที่บริเวณนี้แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ส่วนสถานการณ์กลุ่มมวลชนที่ชุมนุมอยู่ในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษนั้น ล่าสุดขณะนี้ กลุ่มประชาชนภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร จำนวนประมาณ 200 คน นำโดย นายวีระ สมความคิด ประธานภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร ได้พากันเปิดเวทีปราศรัยที่บริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ โดยแกนนำได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ปัญหากรณีเขาพระวิหาร ก่อนสลายตัวในเวลาต่อมา
ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงซึ่งชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ จำนวนประมาณ 100 คน นำโดย นายบุญเติม ทาวะรมย์ ขณะนี้ได้พากันสลายตัวกลับไปหมดแล้วเช่นกัน