สุโขทัย - ผอ.โรงเรียนดังที่นักเรียนถ่ายคลิปขณะตบตีกันร่อนทั่วอินเทอร์เน็ตเรียกนักเรียนทั้งสองคู่มาว่ากล่าวตักเตือน พร้อมแจ้งผู้ปกครองทราบระบุหากยังมีพฤติกรรมดังกล่าวจะลงโทษตามระเบียบ เตือนยังไม่เลิกอนาคตไม่มีที่ยืนในสังคมแน่
รายงานข่าวจากสุโขทัยแจ้งว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเด็กนักเรียนหญิง ม.3 จำนวน 2 คู่ ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งของ อ.กงไกรลาศ ใช้กำลังตบตีทำร้ายร่างกายกันภายในบริเวณโรงเรียน โดยมีสาเหตุเพราะชอบเด็กนักเรียนชายชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกัน ส่วนอีกคู่นัดตบตีกันเพียงแค่คู่กรณีเดินสวนทางแล้วมองหน้าตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้ว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากโดยเฉพาะในวงข้าราชการครูในพื้นที่สุโขทัย
ล่าสุด ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกเด็กนักเรียนหญิงทั้งหมด ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน รวมถึงเพื่อนๆ ที่ยืนล้อมวงเชียร์ให้เพื่อนตบตีกัน มาว่ากล่าวตักเตือน และแจ้งให้ผู้ปกครองเด็กๆ ได้ทราบแล้ว
ผอ.คนดังกล่าวบอกว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และตัวเด็กๆ เองพวกเขาก็เสียใจ เพราะทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งครูประจำชั้นก็ได้เรียกมาอบรมตักเตือน ให้สติ และลงโทษสถานเบาด้วยการให้ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกันแล้ว พร้อมกับได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อร่วมกันดูแลแก้ไข และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ทางโรงเรียนก็จะดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งในทางกฎหมายด้วย
“ความจริงทางโรงเรียนมีการสอดส่องดูแลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เนื่องจากเด็กนักเรียนมีจำนวนมากกว่า 1 พันคน จึงอาจทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ประกอบกับเด็กๆ ก็ปกปิดเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีใครรู้ กระทั่งมาปรากฏลงในสื่อ เราจึงทราบเรื่อง”
ผอ.คนดังกล่าวบอกอีกว่า พฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาของเด็กนักเรียนปัจจุบัน ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข และร่วมมือกันอย่างจริงจัง ส่วนตัวอยากฝากเตือนไปถึงนักเรียน นักศึกษาสถาบันต่างๆ ที่คิดจะก่อเหตุในทางเสื่อมเสีย ทั้งเหตุวิวาทหรือเพศสัมพันธ์ แล้วมีการถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ อาจทำให้เรามีที่ยืนในสังคมน้อยลง ถ้าหากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป และคนที่เสียใจอีกคนก็คือ พ่อแม่รวมทั้งคนในครอบครัว
ที่ผ่านมามีนักเรียนหญิงที่จบออกไป เผยความรู้สึกให้ฟังว่า ตนเองเคยถูกถ่ายคลิปลักษณะนี้ไว้ แล้วเพื่อนๆ นำไปเผยแพร่ต่อยังเว็บไซต์ต่างๆ คนรู้จัก เพื่อนในที่ทำงานเห็นเข้าก็มองไม่ดี รู้สึกอับอาย และเสียใจมาก ถ้าย้อนอดีตได้ก็คงไม่ทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดกรณีข่าวนี้ขึ้นมาได้มีครูในพื้นที่สุโขทัยจำนวนมากแสดงความห่วงใย และต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ใช่โยนผิดให้ครูรับแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยร่วม