ตาก- กระทรวงการต่างประเทศติวเข้มสื่อมุสลิมภาคเหนือ หวังจูนแนวทางข่าวสารถึงคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศใหม่
รายงานข่าวจาก อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า บรรดาสื่อมวลชนมุสลิมจากหลายจังหวัดของภาคเหนือ เช่น ตาก เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปร่วมงานสัมมนาสื่อมวลชน(นักข่าว)มุสลิม ภาคเหนือ ที่โรงแรมเมอร์เคียว อำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อเร็ว ๆนี้ โดยมีนายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ และนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนมัสยิด และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จากจังหวัด ตาก-เชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าร่วมด้วย
เพื่อให้ทราบถึงนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศต่อโลกมุสลิม การสร้างความรู้ความเข้าใจต่อการนำข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศผ่านสื่อมวลชนมุสลิมไปสู่ประชาชนชาวไทยมุสลิม รวมทั้งบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในยุคการทูตไร้พรมแดน
โดยมีวิทยากรรับเชิญอาทิ นายปิยวัชร บรรยายเรื่องแนวคิดการทูตเพื่อประชาชน , นายราชันย์ ฮูเซน อดีตผู้อำนวยการอสมท. และนายจรัญ มะลูลิม อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ ซึ่งดำเนินการเสวนาโดยนายเจษฎา กตเวทิน ผู้อำนวยการกองวิทยุกระจายเสียง กรมสารนิเทศ
นายจรัญ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ แสดงถึงกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ทอดทิ้งสื่อมุสลิม ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจ เป็นมิติใหม่ของการนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้อย่างเสรี จากนี้ไปต้องมีการขยายการสัมมนาในรูปแบบดังกล่าวไปหลายๆภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งการสัมมนาเมื่อปี 2552 ที่กทม. สื่อมวลชนมุสลิมจากหลายภูมิภาคของประเทศ ต่างมีความรู้สึกว่า ถูกทอดทิ้ง และได้ไปร่วมการสัมมนาจำนวนมาก โดยแสดงความคิดเห็นค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากการไม่ได้รับความสนใจ
นายอดุลย์ พงษ์มณี (อับดุร เราะห์มาน) อีหม่ามมัสยิดนูรุ้ลหุดา บ้านหนองแบน อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ แต่ก็แปลกใจมากที่กระทรวงการต่างประเทศมามีบทบาทเรื่องนี้ แทนที่จะเป็นกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่ต้องการนำเสนอคือ เรื่องการศึกษา มีนักเรียนไทยไปเรียนต่างประเทศลดลง
อย่างเช่นที่เมืองมาดีนะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตนเองก็จบมาจากการศึกษาในเมืองมาดีนะ และมีชาวต่างชาติจากทั่วโลกจำนวนมากไปเรียนกว่า 300 ชาติ ซึ่งการเรียนการสอนได้สอนให้เป็นคนดี และให้เผยแพร่ให้ผู้อื่นเป็นคนดีด้วย ไม่มีการก่อการร้าย ที่จะไปทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือดร้อนอย่างที่มีความเข้าใจผิดกัน
รายงานข่าวจาก อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า บรรดาสื่อมวลชนมุสลิมจากหลายจังหวัดของภาคเหนือ เช่น ตาก เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปร่วมงานสัมมนาสื่อมวลชน(นักข่าว)มุสลิม ภาคเหนือ ที่โรงแรมเมอร์เคียว อำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อเร็ว ๆนี้ โดยมีนายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ และนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนมัสยิด และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จากจังหวัด ตาก-เชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าร่วมด้วย
เพื่อให้ทราบถึงนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศต่อโลกมุสลิม การสร้างความรู้ความเข้าใจต่อการนำข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศผ่านสื่อมวลชนมุสลิมไปสู่ประชาชนชาวไทยมุสลิม รวมทั้งบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในยุคการทูตไร้พรมแดน
โดยมีวิทยากรรับเชิญอาทิ นายปิยวัชร บรรยายเรื่องแนวคิดการทูตเพื่อประชาชน , นายราชันย์ ฮูเซน อดีตผู้อำนวยการอสมท. และนายจรัญ มะลูลิม อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ ซึ่งดำเนินการเสวนาโดยนายเจษฎา กตเวทิน ผู้อำนวยการกองวิทยุกระจายเสียง กรมสารนิเทศ
นายจรัญ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ แสดงถึงกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ทอดทิ้งสื่อมุสลิม ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจ เป็นมิติใหม่ของการนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้อย่างเสรี จากนี้ไปต้องมีการขยายการสัมมนาในรูปแบบดังกล่าวไปหลายๆภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งการสัมมนาเมื่อปี 2552 ที่กทม. สื่อมวลชนมุสลิมจากหลายภูมิภาคของประเทศ ต่างมีความรู้สึกว่า ถูกทอดทิ้ง และได้ไปร่วมการสัมมนาจำนวนมาก โดยแสดงความคิดเห็นค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากการไม่ได้รับความสนใจ
นายอดุลย์ พงษ์มณี (อับดุร เราะห์มาน) อีหม่ามมัสยิดนูรุ้ลหุดา บ้านหนองแบน อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ แต่ก็แปลกใจมากที่กระทรวงการต่างประเทศมามีบทบาทเรื่องนี้ แทนที่จะเป็นกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่ต้องการนำเสนอคือ เรื่องการศึกษา มีนักเรียนไทยไปเรียนต่างประเทศลดลง
อย่างเช่นที่เมืองมาดีนะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตนเองก็จบมาจากการศึกษาในเมืองมาดีนะ และมีชาวต่างชาติจากทั่วโลกจำนวนมากไปเรียนกว่า 300 ชาติ ซึ่งการเรียนการสอนได้สอนให้เป็นคนดี และให้เผยแพร่ให้ผู้อื่นเป็นคนดีด้วย ไม่มีการก่อการร้าย ที่จะไปทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือดร้อนอย่างที่มีความเข้าใจผิดกัน
