บุรีรัมย์ - ประชาชน-เกษตรกรบุรีรัมย์ แห่ขึ้นทะเบียนร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแล้วกว่า 42,800 ราย รวมมูลหนี้กว่า 4,200 ล้านมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ขณะโครงการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ชาวนาบุรีรัมย์ยิ้มรับเงินส่วนต่างไปแล้วกว่า 1,075 ล้าน
วันนี้ ( 8 ม.ค.) นายนิยม รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผย ว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายของรัฐบาลจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมา พบว่าได้มีประชาชน และเกษตรกรที่มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบมาขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ กับธนาคาร ธ.ก.ส.ทั้ง 12 สาขา ใน จ.บุรีรัมย์กว่า 40,000 ราย และขึ้นทะเบียนที่ธนาคารออมสินจำนวน 2,882 ราย รวมมูลหนี้ของผู้มาลงทะเบียนทั้ง ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินกว่า 42,800 ล้านบาท จากข้อมูลทั้งจังหวัดมีผู้มีหนี้นอกระบบกว่า 52,000 ราย
โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐาน ส่งให้สำนักงานใหญ่ เพื่อเสนอกรมบัญชีกลางดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าภายในเดือนก.พ. ที่จะถึงนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการเจรจากับประนอมหนี้ ให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯได้
“สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ได้มาขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ทาง ธ.ก.ส. ยังยืดระยะเวลารับข้อมูลเพื่อส่งไปให้สำนักงานใหญ่ฯ ได้พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป” นายนิยม กล่าว
นายนิยม กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ล่าสุดขณะนี้ได้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2552/53 ที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้กับรัฐบาล มารับเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง ที่ ธ.ก.ส. ทั้ง 12 สาขา แล้วกว่า 119,000 ราย เป็นเงินกว่า 1,075 ล้านบาท จากที่ทั้งจังหวัดมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 150,000 ราย
ขณะนี้ทาง ธ.ก.ส.ได้ทำสัญญาให้กับเกษตรกรไปแล้วกว่า 145,000 ราย ส่วนที่เหลืออีกกว่า 5,000 ราย ที่มีปัญหาขึ้นทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกไม่ตรงตามที่มาแจ้ง เอกสารสูญหาย และรายชื่อตกหล่นในการทำประชาคม นั้นทาง ธ.ก.ส. และสำนักงานเกษตรจังหวัดฯ กำลังเร่งดำเนินการแก้ไข และรวบรวมข้อมูลส่งให้คณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาดังกล่าวต่อไปแล้ว
“นอกจากนี้ทาง ธ.ก.ส. ยังได้ออกให้บริการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ให้กับเกษตรกรนอกสถานที่ ทั้งตามหมู่บ้าน ตำบลต่างๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรในอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นเดือนม.ค.2553 นี้ จะสามารถดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ทั้งหมด” นายนิยม กล่าว