อุบลราชธานี - “นาธาน โอมาน” ตีบทแตกใช้ลูกอ้อนนางสมาน อดีตแม่บ้านที่เป็นเจ้าทุกข์ให้เห็นใจ ขณะเดียวกันปล่อยแม่เลี้ยงกับหญิงวัยกลางคนอ้างตัวเป็นทนายใหญ่ชื่อดัง พูดจาขู่เข็ญอดีตแม่บ้าน สร้างเรื่องกุข่าวหนี้สินขึ้นเอง พร้อมให้กล่าวขอโทษนาธานผ่านสื่อมวลชน สุดท้าย จนท.ศาลทนไม่ได้กับพฤติกรรม นัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกันสัปดาห์หน้า โดยห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว ด้านแม่บ้านย้ำไถ่ถอนที่คืนเมื่อไหร่ พร้อมถอนคดีความให้นาธานทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ธ.ค.)ที่ศาลจังหวัดอำนาจเจริญ นายนาธาน โอมาน พร้อมนางพิสมัย ศรีตระบุตร แม่เลี้ยง และผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นทนายความชื่อ “ปุก” อายุประมาณ 50 ปี ได้เดินทางมารายงานตัวตามศาลสั่ง เพื่อแสดงตนว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน หลังเข้ารายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่ศาลที่ดูแลเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายคือ นางสมาน สุขเสริม อดีตแม่บ้านที่เป็นเจ้าทุกข์ และนายนาธานเข้าไปในห้องไกล่เกลี่ย แต่นางพิสมัยและผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นทนายความได้ตามเข้าไปด้วย
เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องผู้ที่อ้างตัวเป็นทนายความ ได้เปิดฉากต่อว่านางสมานว่าเข้าใจผิด จึงมากล่าวหานาธานฉ้อโกงเงิน พร้อมเรียกร้องให้นางสมานแสดงการขอโทษ โดยให้พูดขอโทษนาธานผ่านสื่อ เพื่อนาธานจะได้ไม่เอาเรื่องเอาราวกลับ เพราะข่าวขณะนี้ทำให้นาธานเสียหายทางชื่อเสียงมีผลต่อการเป็นดารา
ขณะเดียวกัน นางพิสมัยก็ได้ต่อว่านางสมานว่า พวกตนยังคิดถึงนางสมานอยู่เช่นเดิม และไม่คิดว่านางสมานจะสร้างเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ขึ้นมา ซึ่งระหว่างนั้นนางสมานไม่ได้โต้ตอบข้อกล่าวหาของบุคคลทั้งสอง
ส่วนนายนาธานก็ไม่ยอมพูดถึงวันที่ถูกจับตัวมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งพนักงานสอบสวนให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเจรจากัน โดยขณะนั้นนาธานยอมรับเป็นหนี้นางสมานจริง พร้อมทั้งอยู่ระหว่างวิ่งเต้นหาเงินมาชดใช้คืน
นายนาธานยังพูดต่อหน้าสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวว่า หากนางสมานไม่เชื่อใจจะได้เงินคืนจริง ก็พร้อมทำหนังสือสัญญาให้ถือไว้ด้วย ขอเพียงนางสมานช่วยถอนแจ้งความดำเนินคดีกับตน เพื่อไม่ต้องถูกจองจำในวันนั้นก่อน ซึ่งนายนาธานไม่ได้นำมาพูดถึงด้วยในวันนี้ เพียงแต่นั่งฟังแม่เลี้ยงและผู้หญิงที่ชื่อปุกรุมต่อว่านางสมานเท่านั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลขอให้นางพิสมัยและผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นทนายความหยุดพูด เพื่อทำการไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณี คือ นางสมานและนาธาน แต่คนทั้งสองไม่ฟัง เจ้าหน้าที่จึงให้ยุติการเจรจา โดยนัดให้คู่กรณีมาพบกันอีกครั้งในวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่นายนาธาน ต้องมารายงานตัวต่อศาลอีกครั้ง และจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ห้ามเข้ามายุ่งย่ามโดยเด็ดขาด เพื่อหาทางไกล่เกลี่ยคดีความให้ตกลงกันได้ แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีของศาลต่อไป
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า และขณะที่นางสมานกำลังเดินออกจากห้องไกล่เกลี่ย ปรากฏว่าผู้หญิงชื่อปุกที่อ้างตัวเป็นทนายความใหญ่มีชื่อเสียง แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงพยายามดึงมือนางสมานให้มาพูดกับผู้สื่อข่าวที่รออยู่นอกศาล แต่นางสมานไม่ยินยอม
หญิงคนดังกล่าวจึงเดินมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดของนางสมาน จึงมาแจ้งความกล่าวโทษนายนาธาน จนได้รับความเสียหายตนได้บอกให้นางสมานมาขอโทษนาธานต่อหน้าสื่อ เพื่อไม่ให้นาธานฟ้องกลับฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งนางสมานต้องหาทางยุติเรื่องที่เกิดขึ้นเอง เพราะนาธานไม่ได้ฉ้อโกงเงินนางสมานแต่อย่างใด
ด้านนายนาธานเมื่อเดินออกมาจากห้องไกล่เกลี่ยก็ได้พบกับนางปิ่น สุขเสริม แม่นางสมาน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่นำไปจำนอง นายนาธานได้เดินเข้ามายกมือไหว้ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรด้วย
ญาติพี่น้องนางสมานจึงเอ่ยปากถามว่า เมื่อไหร่จะนำเงินมาไถ่ถอนที่ดินคืน นายนาธานไม่ได้ตอบคำถาม พร้อมเดินหลบเลี่ยงลงไปทางด้านหลังศาล เพื่อไปขึ้นรถที่ลานจอดรถ ทำให้ญาตินางสมานอีกกลุ่มเดินตามเข้าไปถาม นายนาธาน เรื่องให้รีบนำเงินมาไถ่ที่นาคืนให้
นายนาธานจึงได้รีบหลบเข้าไปในรถ โดยผู้หญิงชื่อปุกเป็นคนพูดจาตอบโต้กับกลุ่มญาตินางสมาน ก่อนที่คนทั้งหมดจะพากันขับรถออกไปจากศาลด้วยความรวดเร็ว
นางสมานกล่าวว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่พยายามทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ตนไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ได้แต่นั่งฟังนางพิสมัยและผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นทนายความต่อว่าต่อขานอยู่ข้างเดียว สำหรับนายนาธานก็ได้เข้ามาจับมือตน พร้อมถามว่ากินข้าวแล้วหรือยัง และทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ซึ่งตนก็ทำตัวเฉยๆ ส่วนนางพิสมัยระหว่างพูดจาต่อว่าตน ก็ทำท่าร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา พร้อมพูดจาข่มขู่ตนที่ตนนำเรื่องราวต่างๆมาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง จนทำให้นาธานเสียหาย จนแทบจะอยู่ในสังคมไม่ได้แล้ว และต้องการให้ตนหยุดให้ข่าวกับสื่อมวลชนด้วย
นางสมานกล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาที่ผู้หญิงชื่อปุกบอกตนนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ความจริงคือนาธานต้องมาไถ่ถอนที่ดินกลับคืนให้ครอบครัวก่อน ตนจึงถอนแจ้งความให้