ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เทศบาลตำบลเมืองเก่า พัฒนาพื้นที่สาธารณะ 5 ไร่ เป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อการเกษตรประจำตำบล คาดหวังช่วยต่อยอดพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรในแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริในหลวง
นายโกเมศ ฑีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการสำรวจสภาพพื้นที่ทั่วทั้งตำบลพบว่ายังมีพื้นที่สาธารณะที่ถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มากพอสมควร โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลเมืองเก่า รวม 5 ไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของวัดในพื้นที่ โดยในที่ประชุมคณะผู้บริหาร และแกนนำชาวบ้านต่างมีมติตรงกันในการที่เทศบาลจะอนุมัติงบประมาณในแผนงานการเกษตร ดำเนินการก่อสร้างให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการเกษตรประจำ ต.เมืองเก่า
ศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอด ทางด้านวิชาการด้านการเกษตรของตำบลที่ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถที่จะมาศึกษาและรับคำแนะนำ รวมไปถึงการศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วทั้งประเทศ
นายโกเมศกล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นอีกแผนงานที่สำคัญของเทศบาลตำบลเมืองเก่าในการสนับสนุนพัฒนาศักยภาพอาชีพเกษตรกรรมของ โดยจัดทำเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อการเกษตร แบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ ที่ครบวงจร ภายในศูนย์การเรียนรู้เพื่อการเกษตร แห่งนี้นั้นจัดแยกออกเป็นในส่วนของนาวข้าว จากพันธุ์ข้าวชั้นนำของภาคอีสานแปลงไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกง่ายในพื้นที่และตรงกับความต้องการของตลาด ผักและผลไม้ที่ตรงกับความต้องการและทนต่อสภาพพื้นที่ภาคอีสาน
อีกทั้งยังมีโรงเพาะเห็ดชนิดต่างๆ ที่จะมีการนำมาปลูกและทดลองในศูนย์ฯแห่งนี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งได้มอบหมายให้ส่วนงานการเกษตรประจำตำบลเป็นผู้ดูแล และมีการระดมสมองจากปราชญ์ชาวบ้านที่จะมาร่วมกันพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามที่ทำการเทศบาล ซึ่งถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ เพราะติดกับถนนสายเลี่ยงเมือง ขอนแก่น-อุดรธานี ที่สามารถพบเห็นได้ง่าย โครงการนี้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์แบบภายในเดือน ม.ค.2553 นี้
นายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า กล่าวต่อว่า นอกจากการที่ศูนย์เรียนรู้เพื่อการเกษตรแห่งนี้จะเป็นศูนย์ต้นแบบประจำตำบลแล้ว ศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาดูงานของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ ในเรื่องของการบริหารจัดการภาคการเกษตรประจำตำบลแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
โดยเฉพาะการที่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ผลผลิตภาคการเกษตรภายในตำบลเป็นไปตามความต้องการของตลาด และปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งก็จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนในตำบลด้วยเช่นเดียวกัน โดยกำหนดราคาของการศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ฯแห่งนี้คนละ 40 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯที่เป็นชาวบ้านที่มาช่วยงานในแต่ละวัน อีกทั้งยังคงมีหลักสูตรระยะสั้นแบบง่ายๆ ตามความต้องการของแต่ละหน่วยงาน
นายโกเมศ ฑีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการสำรวจสภาพพื้นที่ทั่วทั้งตำบลพบว่ายังมีพื้นที่สาธารณะที่ถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มากพอสมควร โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลเมืองเก่า รวม 5 ไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของวัดในพื้นที่ โดยในที่ประชุมคณะผู้บริหาร และแกนนำชาวบ้านต่างมีมติตรงกันในการที่เทศบาลจะอนุมัติงบประมาณในแผนงานการเกษตร ดำเนินการก่อสร้างให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการเกษตรประจำ ต.เมืองเก่า
ศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอด ทางด้านวิชาการด้านการเกษตรของตำบลที่ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถที่จะมาศึกษาและรับคำแนะนำ รวมไปถึงการศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วทั้งประเทศ
นายโกเมศกล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นอีกแผนงานที่สำคัญของเทศบาลตำบลเมืองเก่าในการสนับสนุนพัฒนาศักยภาพอาชีพเกษตรกรรมของ โดยจัดทำเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อการเกษตร แบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ ที่ครบวงจร ภายในศูนย์การเรียนรู้เพื่อการเกษตร แห่งนี้นั้นจัดแยกออกเป็นในส่วนของนาวข้าว จากพันธุ์ข้าวชั้นนำของภาคอีสานแปลงไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกง่ายในพื้นที่และตรงกับความต้องการของตลาด ผักและผลไม้ที่ตรงกับความต้องการและทนต่อสภาพพื้นที่ภาคอีสาน
อีกทั้งยังมีโรงเพาะเห็ดชนิดต่างๆ ที่จะมีการนำมาปลูกและทดลองในศูนย์ฯแห่งนี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งได้มอบหมายให้ส่วนงานการเกษตรประจำตำบลเป็นผู้ดูแล และมีการระดมสมองจากปราชญ์ชาวบ้านที่จะมาร่วมกันพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามที่ทำการเทศบาล ซึ่งถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ เพราะติดกับถนนสายเลี่ยงเมือง ขอนแก่น-อุดรธานี ที่สามารถพบเห็นได้ง่าย โครงการนี้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์แบบภายในเดือน ม.ค.2553 นี้
นายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า กล่าวต่อว่า นอกจากการที่ศูนย์เรียนรู้เพื่อการเกษตรแห่งนี้จะเป็นศูนย์ต้นแบบประจำตำบลแล้ว ศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาดูงานของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ ในเรื่องของการบริหารจัดการภาคการเกษตรประจำตำบลแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
โดยเฉพาะการที่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ผลผลิตภาคการเกษตรภายในตำบลเป็นไปตามความต้องการของตลาด และปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งก็จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนในตำบลด้วยเช่นเดียวกัน โดยกำหนดราคาของการศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ฯแห่งนี้คนละ 40 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯที่เป็นชาวบ้านที่มาช่วยงานในแต่ละวัน อีกทั้งยังคงมีหลักสูตรระยะสั้นแบบง่ายๆ ตามความต้องการของแต่ละหน่วยงาน
