จันทบุรี - ชาวประมงพื้นบ้านบางกระไชย จ.จันทบุรี พบซากพะยูนเพศผู้หนักกว่า 250 กิโลกรัม หนึ่งในสองตัวคู่สุดท้ายของ จ.จันทบุรี ติดอวนลากตาย
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายวิชัย สัมพันธ์รัตน์ นายอำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จ.จันทบุรี ลงพื้นที่ชายทะเล ม.6 ต.บางกระไชย อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เพื่อตรวจสอบซากพะยูนเพศผู้ ที่ถูกชาวประมงช่วยกันลากกลับขึ้นฝั่ง หลังพบติดอวนลากตายในอ่าวบางกระไชย ห่างจากฝั่งออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวหลายร้อยคนทยอยเดินทางมาดูซากพะยูนกันอย่างต่อเนื่อง
ชาวบ้านในพื้นที่ทราบกันดีว่า ซากพะยูนที่พบเป็น 1 ใน 2 ตัวที่หลงเหลืออยู่ในอ่าวบางกระไชย ส่วนอีก 1 ตัวที่เหลือคาดยังคงหากินอยู่ในบริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน ติดปากแม่น้ำแหลมสิงห์พื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร จากการตรวจสอบซากพะยูน พบมีความยาวตลอดลำตัว 260 เซนติเมตร นำหนัก 280 กิโลกรัม อายุราว 35-40 ปี ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยพบในประเทศไทย มีบาดแผลจากการถูกอวดรัด ที่บริเวณลำตัวและส่วนหัว เสียชีวิตประมาณ 12 ชั่วโมง
นายหิรัญ ชลนิยม อายุ 40 ปี ชาวประมงพื้นบ้านบางกระไชย ที่เป็นผู้พบซากพะยูนบอกว่า ได้พบเห็นซากพะยูนตัวดังกล่าวติดอวดลอยตาห่าง ของเรืออวนลอยลากคู่ ซึ่งเป็นเรือจากพื้นที่อื่นเข้ามาทำประมง จึงได้ช่วยกันลากกลับขึ้นฝั่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ด้าน นายวิชัย สัมพันธ์รัตน์ นายอำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี กล่าวว่า หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น ทางชาวบ้านพร้อมใจ มอบซากพะยูนให้แก่ทางกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง นำกลับไปศึกษาและสตาฟเก็บรักษาไว้ ในการให้ประชาชนและนักเรียน เข้ามาศึกษา พร้อมกันนี้จะร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมประมง กรมทรัพยากรธรรมชาติ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่างคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริชาวบ้านและชาวประมงในพื้นที่ เร่งหาแนวทางอนุรักษ์และดูแลพะยูนที่หลงเหลืออยู่ พร้อมวางมาตรการคุมเข้มห้ามเรือประมงเข้ามาทำกินในเขตน้ำตื้นแหล่งอาศัยของพะยูน และปลาโลมาเผือกอีก 2 ตัวที่ยังพบหากินอยู่ในอ่าวชายทะเลพื้นที่ จ.จันทบุรี
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายวิชัย สัมพันธ์รัตน์ นายอำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จ.จันทบุรี ลงพื้นที่ชายทะเล ม.6 ต.บางกระไชย อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เพื่อตรวจสอบซากพะยูนเพศผู้ ที่ถูกชาวประมงช่วยกันลากกลับขึ้นฝั่ง หลังพบติดอวนลากตายในอ่าวบางกระไชย ห่างจากฝั่งออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวหลายร้อยคนทยอยเดินทางมาดูซากพะยูนกันอย่างต่อเนื่อง
ชาวบ้านในพื้นที่ทราบกันดีว่า ซากพะยูนที่พบเป็น 1 ใน 2 ตัวที่หลงเหลืออยู่ในอ่าวบางกระไชย ส่วนอีก 1 ตัวที่เหลือคาดยังคงหากินอยู่ในบริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน ติดปากแม่น้ำแหลมสิงห์พื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร จากการตรวจสอบซากพะยูน พบมีความยาวตลอดลำตัว 260 เซนติเมตร นำหนัก 280 กิโลกรัม อายุราว 35-40 ปี ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยพบในประเทศไทย มีบาดแผลจากการถูกอวดรัด ที่บริเวณลำตัวและส่วนหัว เสียชีวิตประมาณ 12 ชั่วโมง
นายหิรัญ ชลนิยม อายุ 40 ปี ชาวประมงพื้นบ้านบางกระไชย ที่เป็นผู้พบซากพะยูนบอกว่า ได้พบเห็นซากพะยูนตัวดังกล่าวติดอวดลอยตาห่าง ของเรืออวนลอยลากคู่ ซึ่งเป็นเรือจากพื้นที่อื่นเข้ามาทำประมง จึงได้ช่วยกันลากกลับขึ้นฝั่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ด้าน นายวิชัย สัมพันธ์รัตน์ นายอำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี กล่าวว่า หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น ทางชาวบ้านพร้อมใจ มอบซากพะยูนให้แก่ทางกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง นำกลับไปศึกษาและสตาฟเก็บรักษาไว้ ในการให้ประชาชนและนักเรียน เข้ามาศึกษา พร้อมกันนี้จะร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมประมง กรมทรัพยากรธรรมชาติ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่างคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริชาวบ้านและชาวประมงในพื้นที่ เร่งหาแนวทางอนุรักษ์และดูแลพะยูนที่หลงเหลืออยู่ พร้อมวางมาตรการคุมเข้มห้ามเรือประมงเข้ามาทำกินในเขตน้ำตื้นแหล่งอาศัยของพะยูน และปลาโลมาเผือกอีก 2 ตัวที่ยังพบหากินอยู่ในอ่าวชายทะเลพื้นที่ จ.จันทบุรี