ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ขนส่งโคราชเมืองประตูสู่อีสาน เตรียมเสริมเที่ยวรถเพิ่มเท่าตัวเป็น 580 เที่ยวต่อวัน รองรับ ปชช.ชาวอีสานทะลักกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่’53 และสำรองรถบัสไว้รับมืออีกกว่า 50 คัน มั่นใจไม่มีผู้โดยสารตกค้างแน่ เผยสั่งตรวจเข้มความพร้อมรถ-คนขับทุกคัน พร้อมประสานขอกำลัง ตร.-ทหาร และตั้งทีวีวงจรปิดคุมเข้มความปลอดภัยภายในสถานีขนส่งทุกจุดป้องกันผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่อเหตุร้าย
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายวัฒนา ภัทรชนม์ ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 นี้ จะมีประชาชนชาวอีสานเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก จังหวัดนครราชสีมาเป็นประตูสู่อีสาน และชุมทางใหญ่ในการระบายผู้โดยสารไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ฉะนั้นในปีนี้ทางขนส่งจังหวัดฯ จึงได้ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางจังหวัดนครราชสีมา ให้จัดเที่ยวเดินรถเพิ่มจากเดิมที่วิ่งอยู่ปกติวันละ 240 เที่ยวเพิ่มเป็นวันละ 580 เที่ยว เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนชาวอีสานในช่วงเทศกาลปีใหม่
นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมรถโดยสารไม่ประจำทางหรือ รถหมวด 30 สภาพดี ซึ่งใช้รับส่งพนักงานบริษัทต่างๆ สำรองไว้อีกว่า 50 คัน ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเริ่มเดินทางเป็นจำนวนมากตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.นี้และเดินทางหนาแน่นที่สุดในวันที่ 31 ธ.ค. ส่วนการเดินทางกลับเข้าไปทำงานยังกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ หลังเสร็จสิ้นฉลองเทศกาลปีใหม่ที่ภูมิลำเนาแล้วคาดว่าประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางกลับมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2553 ซึ่งเราได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว
นายวัฒนา กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น ทางสำนักงานขนส่งฯ ได้สั่งการให้สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 2 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสภาพรถโดยสารและอุปกรณ์ความปลอดภัยภายในรถโดยสารทุกคัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นมา พร้อมตรวจวัดแอลกอฮอล์ สารเสพติด รวมถึงความพร้อมของพนักงานขับรถทุกคนด้วย หากเป็นเส้นทางสายยาวต้องจัดให้มีพนักงานขับรถสำรองไว้คอยสับเปลี่ยนกันขับ โดยไม่อนุญาตให้พนักงานขับรถคนเดียวต่อเนื่องหลายชั่วโมงเป็นระยะทางไกลอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านสายด่วน 1584 ขึ้นที่สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 2 ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาในการเดินทาง ทั้งเรื่องการตกรถ, สิ่งของสูญหาย , การฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสารของผู้ประกอบการ เป็นต้น ซึ่งหากประชาชนผู้โดยสารคนใดมีปัญหาสามารถแจ้งมายังศูนย์ฯ ดังกล่าวได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.)
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ในถนนเส้นทางสายหลักจะมีจุดตรวจของสำนักงานขนส่งตั้งอยู่ ซึ่งจะทำการสุ่มตรวจรถโดยสารที่ไม่มีความปลอดภัยหรือรถโดยสารที่ได้รับแจ้งจากประชาชนเข้ามาเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนถนน ขณะเดียวกันภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 2 แห่ง ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ. )
พร้อมขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เข้ามาตรวจตราทั้งภายในและบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งเพิ่มอีกวันละกว่า 20 นาย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจมีผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่อเหตุร้าย หรือสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้น และ ภายในสถานีขนส่งยังได้ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรไว้ปิดทุกจุด ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น รวมทั้งได้เปลี่ยนถังขยะเป็นแบบถังใสโปร่งมองเห็นข้างในทั้งหมด เพื่อป้องกันมิจฉาชีพก่อเหตุด้วย
“ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาอย่างปลอดภัยแน่นอน และไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีขนส่งอย่างเด็ดขาด เพราะจากประสบการณ์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา การจัดเที่ยวรถเสริมนั้นช่วยให้ประชาชนเดินทางถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็วและปีนี้ก็เช่นเดียวกันจะต้องไม่มีผู้โดยสารตกค้างอยู่สถานีขนส่งแน่นอน” นายวัฒนา กล่าว
