กาฬสินธุ์-รถบรรทุกหกล้อซิ่งเหยียบ จยย. สุดอนาถหญิงแก่ถูกเหยียบไส้แตกคารถจยย.ส่วนลูกและสามีบาดเจ็บสาหัส
วันนี้(20 ธ.ค.) พ.ต.ต.โด่งศักดิ์ นนทวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีอุบัติเหตุบนถนนสายกาฬสินธุ์สมเด็จ ตรวจุดหน้าสวนป่าสมเด็จ อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยเป็นอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับจักรยานยนต์มีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพเต็กก่าจีสิ่งเกาะ หน่วยแพทย์ชันสูตรโรงพยาบาลกาฬสินธุ์รุดไปที่เกิดเหตุทันที
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์สะเทือนขวัญกว่า 300 คน โดยที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพกำลังนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากใต้ท้องรถบรรทุก โดยผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นผู้หญิงสวมเสื้อยืดสีเทาทับด้วยเสื้อกันหนาวสีขาวสวมกางเกงยืดสีเขียวด้วยภาพนอนคว่ำหน้า จากการชันสูตรสภาพร่างกายของผู้ตายถูกเหยียบจนไส้ทะลัก ขาซ้ายขวาหัก และคอหัก ทราบชื่อผู้ตายคือนางสุดสาคร ฆารรัศมี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 6 บ้านคำโพน ตำบลนาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามีจำนวน 2 คน
เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งไปยังรพ.สมเด็จ อ.สมเด็จ เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีอาการสาหัสทั้งคู่ โดยทราบเบื้องต้นว่าผู้บาดเจ็บเป็นสามีและลูกของผู้ตาย
ใกล้กันเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถบรรทุกหกล้อสีขาว หมายเลขทะเบียน 81-4859 กาฬสินธุ์ จอดสนิทอยู่ ใต้รถมีรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า สภาพพังยับเยินติดอยู่ โดยรถ จยย.คันนี้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนคนขับรถบรรทุกคือนายสมจิตร ต้นโตพฤกษ์ อายุ 30 ปี ราษฎรจากต.ธัญญา อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ สอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า รถบรรทุกได้ลากจยย.และตัวนางสุดสาครมาไกลกว่า 500 เมตรก่อนจะจอดหยุดนิ่งตรงบริเวณหน้าสำนักงานสวนป่าสมเด็จ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
จากการสอบถามนายสมจิตร ต้นโตพฤกษ์ คนขับรถบรรทุก ทราบว่า ได้บรรทุกเกลือมาเต็มคันรถเพื่อนำไปส่งลูกค้าในอ.สมเด็จ และจ.สกลนคร และระหว่างกำลังขับรถมาถึงจุดที่เกิดเหตุได้ก้มลงเก็บของในรถโดยขับตามรถจยย.คันดังกล่าวมาและได้เหยียบทับไปพอรู้สึกตัวก็เมื่อมีเสียงโครมจึงลงมาดูสุดท้ายก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีรถและคนติดอยู่
ด้าน พ.ต.ต.โด่งศักดิ๋ นนทวงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาคนขับรถบรรทุกหกล้อรายนี้ว่า ขับรถโดยประมาทจนเป็นหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บทั้งสองคนยังไม่ทราบว่ามีอาการหนักแค่ไหน และสอบถามในที่เกิดเหตุยังไม่มีใครทราบว่าทั้งสองชื่ออะไร และได้ประสานไปยังรพ.สมเด็จ อ.สมเด็จ ซึ่งได้รับตัวผู้บาดเจ็บทั้งสองคนไว้ทำการรักษา ที่ผู้บาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว
วันนี้(20 ธ.ค.) พ.ต.ต.โด่งศักดิ์ นนทวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีอุบัติเหตุบนถนนสายกาฬสินธุ์สมเด็จ ตรวจุดหน้าสวนป่าสมเด็จ อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยเป็นอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับจักรยานยนต์มีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพเต็กก่าจีสิ่งเกาะ หน่วยแพทย์ชันสูตรโรงพยาบาลกาฬสินธุ์รุดไปที่เกิดเหตุทันที
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์สะเทือนขวัญกว่า 300 คน โดยที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพกำลังนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากใต้ท้องรถบรรทุก โดยผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นผู้หญิงสวมเสื้อยืดสีเทาทับด้วยเสื้อกันหนาวสีขาวสวมกางเกงยืดสีเขียวด้วยภาพนอนคว่ำหน้า จากการชันสูตรสภาพร่างกายของผู้ตายถูกเหยียบจนไส้ทะลัก ขาซ้ายขวาหัก และคอหัก ทราบชื่อผู้ตายคือนางสุดสาคร ฆารรัศมี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 6 บ้านคำโพน ตำบลนาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามีจำนวน 2 คน
เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งไปยังรพ.สมเด็จ อ.สมเด็จ เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีอาการสาหัสทั้งคู่ โดยทราบเบื้องต้นว่าผู้บาดเจ็บเป็นสามีและลูกของผู้ตาย
ใกล้กันเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถบรรทุกหกล้อสีขาว หมายเลขทะเบียน 81-4859 กาฬสินธุ์ จอดสนิทอยู่ ใต้รถมีรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า สภาพพังยับเยินติดอยู่ โดยรถ จยย.คันนี้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนคนขับรถบรรทุกคือนายสมจิตร ต้นโตพฤกษ์ อายุ 30 ปี ราษฎรจากต.ธัญญา อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ สอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า รถบรรทุกได้ลากจยย.และตัวนางสุดสาครมาไกลกว่า 500 เมตรก่อนจะจอดหยุดนิ่งตรงบริเวณหน้าสำนักงานสวนป่าสมเด็จ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
จากการสอบถามนายสมจิตร ต้นโตพฤกษ์ คนขับรถบรรทุก ทราบว่า ได้บรรทุกเกลือมาเต็มคันรถเพื่อนำไปส่งลูกค้าในอ.สมเด็จ และจ.สกลนคร และระหว่างกำลังขับรถมาถึงจุดที่เกิดเหตุได้ก้มลงเก็บของในรถโดยขับตามรถจยย.คันดังกล่าวมาและได้เหยียบทับไปพอรู้สึกตัวก็เมื่อมีเสียงโครมจึงลงมาดูสุดท้ายก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีรถและคนติดอยู่
ด้าน พ.ต.ต.โด่งศักดิ๋ นนทวงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาคนขับรถบรรทุกหกล้อรายนี้ว่า ขับรถโดยประมาทจนเป็นหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บทั้งสองคนยังไม่ทราบว่ามีอาการหนักแค่ไหน และสอบถามในที่เกิดเหตุยังไม่มีใครทราบว่าทั้งสองชื่ออะไร และได้ประสานไปยังรพ.สมเด็จ อ.สมเด็จ ซึ่งได้รับตัวผู้บาดเจ็บทั้งสองคนไว้ทำการรักษา ที่ผู้บาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว
