หน่วยงานรัฐ-เอกชนมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ประสบภัยสารเคมีรั่วไหล

ศูนย์ข่าวศรีราชา -หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ชาวบ้านแหลมฉบัง ที่ประสบภัยจากสารเคมีรั่วไหลแล้ว โดยมอบให้ผู้ที่มีเลขที่บ้านเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องรอตรวจสอบ เพื่อป้องกันการสวมรอยและแอบอ้างหวังได้เงินช่วยเหลือ

วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ศาลาประชาคม เทศบาลตำบลแหลมฉบัง นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ นายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบัง และท่าเรือแหลมฉบัง บริษัท อิสเทิร์น ซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เครือไทยออยล์ แหลมฉบัง เพาเวอร์ และ สหโคเจน โรงไฟฟ้าแหลมฉบัง (บริษัท แหลมฉบังเพาเวอร์ จำกัด) ได้ร่วมกับมอบเงินให้ความช่วยเหลือประชาชนบริเวณชุมชนแหลมฉบัง ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหล จากท่าเทียบเรือ บี 3 ในท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 247 ครอบครัว ซึ่งเป็นประชากรตามทะเบียนบ้าน 1,887 คน

การมอบเงินในครั้งนี้ให้ครอบครัวละ 9,000 บาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น ส่วนผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่ชุมชนแหลมฉบัง แต่ไม่มีเลขที่บ้าน ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบก่อนว่าอาศัยอยู่ในชุมชนนั้นและได้ผลกระทบจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการสวมรอยและแอบอ้างเพื่อหวังได้เงินช่วยเหลือดังกล่าว สำหรับผู้เสียชีวิตนั้น ทางท่าเรือแหลมฉบังได้มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 90,000 บาท หลังจากที่มอบให้ไปแล้วในเบื้องต้น 10,000 บาท

การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ ท่าเรือแหลมฉบัง มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนเงิน 1,335,000 บาท บริษัท อิสเทิร์น ซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน 256,000 บาท บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 246,000 บาท

กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เครือไทยออยล์ แหลมฉบังเพาเวอร์ และสหโคเจน มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน 246,000 บาท โรงไฟฟ้าแหลมฉบัง (บริษัท แหลมฉบังเพาเวอร์ จำกัด) มอบเงินช่วยเหลือเป็นเงิน 123,000 บาท และเทศบาลตำบลแหลมฉบัง มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน 133,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,339,500 บาท

ด้าน นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า จังหวัดได้ร่วมกับเทศบาลตำบลแหลมฉบัง และหน่วยงานภาคเอกชน ได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวชาวแหลมฉบังที่อยู่ในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหล จำนวน 247 ครอบครัว จำนวนครอบครัวละ 9,000 บาท

“คนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่แหลมฉบังก็สมควรที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยกับผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่ แต่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก็จะดูแลตามสมควรต่อไป ซึ่งจะได้ตรวจสอบว่ามาอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่ปล่อยปละละเลยแน่นอน” นายสุนทร กล่าว