ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจภูธรภาค 4 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร กรณีสวมวิญญานสัตว์นรก รุมตึ้บ “อาม่า” ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 11.45 น.วันนี้ (1 ธ.ค.) พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะ โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมพวกรุมทำร้ายร่างกายนางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี และนายยุทธนา กลิ่นขจร ลูกเขย ภายหลังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องค่าเช่าบ้านในท้องที่ สน.เพชรเกษมว่า ในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานตรงจากท้องที่ที่เกิดเหตุ แต่จากการติดตามทางสื่อมวลชนพบว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
เนื่องจาก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายลงมือก่อเหตุกับชาวบ้านภายในสถานีตำรวจ ถึงแม้จะออกมาปฏิเสธและยื่นขอประกันตัวไป แต่ตามระเบียบวินัยแล้ว เตรียมประสานข้อมูลจาก สน.เพชรเกษม เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับกองบัญชาการ พร้อมทั้งสั่งการไปยัง ตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยอย่างเต็มที่
โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย เพราะขณะนี้ต่างฝ่ายต่างให้การไม่ตรงกัน แต่จากรูปการณ์นั้นถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะกับการทำร้ายร่างกายประชาชนบนโรงพัก ซึ่งผิดวิสัยของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
พล.ต.ต.กวี กล่าวย้ำว่า รักษาการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้กำชับและสั่งการมายัง รองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบ จ.สกลนครและ ผบก.ภ.จว.สกลนคร ในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับการประสานงานร่วมกัน สน.เพชรเกษม ท้องที่ที่เกิดเรื่อง เพื่อขอทราบรายละเอียดที่ชัดเจน พร้อมทั้งการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยกับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ในระดับ บก.ภจว.สกลนคร ก่อนที่จะส่งเรื่องมายังกองบัญชาการเพื่อรับทราบและพิจารณาผลทางคดีตามลำดับชั้น โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่
โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวต่อว่า คงต้องรอผลการดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายซึ่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีต้องส่งเรื่องมายังผู้บังคับบัญชา ในระดับจังหวัดได้รับทราบ ซึ่งถึงเวลานั้นก็จะสามารถที่จะสรุปได้ว่ามีการพิจารณาโทษทางวินัยต่อ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ อย่างไร
ในส่วนของคดีอาญานั้นเป็นหน้าที่อำนาจสอบสวนของ สน.เพชรเกษม ซึ่งในระดับกองบัญชาการก็พร้อมที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนกับเรื่องดังกล่าวร่วมกับ จ.สกลนคร เพราะถือเป็นคดีที่ตำรวจกระทำกับประชาชน และยังคงเกิดเหตุขึ้นบนสถานีตำรวจด้วย
เมื่อเวลา 11.45 น.วันนี้ (1 ธ.ค.) พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะ โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมพวกรุมทำร้ายร่างกายนางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี และนายยุทธนา กลิ่นขจร ลูกเขย ภายหลังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องค่าเช่าบ้านในท้องที่ สน.เพชรเกษมว่า ในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานตรงจากท้องที่ที่เกิดเหตุ แต่จากการติดตามทางสื่อมวลชนพบว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
เนื่องจาก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายลงมือก่อเหตุกับชาวบ้านภายในสถานีตำรวจ ถึงแม้จะออกมาปฏิเสธและยื่นขอประกันตัวไป แต่ตามระเบียบวินัยแล้ว เตรียมประสานข้อมูลจาก สน.เพชรเกษม เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับกองบัญชาการ พร้อมทั้งสั่งการไปยัง ตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยอย่างเต็มที่
โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย เพราะขณะนี้ต่างฝ่ายต่างให้การไม่ตรงกัน แต่จากรูปการณ์นั้นถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะกับการทำร้ายร่างกายประชาชนบนโรงพัก ซึ่งผิดวิสัยของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
พล.ต.ต.กวี กล่าวย้ำว่า รักษาการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้กำชับและสั่งการมายัง รองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบ จ.สกลนครและ ผบก.ภ.จว.สกลนคร ในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับการประสานงานร่วมกัน สน.เพชรเกษม ท้องที่ที่เกิดเรื่อง เพื่อขอทราบรายละเอียดที่ชัดเจน พร้อมทั้งการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยกับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ในระดับ บก.ภจว.สกลนคร ก่อนที่จะส่งเรื่องมายังกองบัญชาการเพื่อรับทราบและพิจารณาผลทางคดีตามลำดับชั้น โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่
โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวต่อว่า คงต้องรอผลการดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายซึ่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีต้องส่งเรื่องมายังผู้บังคับบัญชา ในระดับจังหวัดได้รับทราบ ซึ่งถึงเวลานั้นก็จะสามารถที่จะสรุปได้ว่ามีการพิจารณาโทษทางวินัยต่อ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ อย่างไร
ในส่วนของคดีอาญานั้นเป็นหน้าที่อำนาจสอบสวนของ สน.เพชรเกษม ซึ่งในระดับกองบัญชาการก็พร้อมที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนกับเรื่องดังกล่าวร่วมกับ จ.สกลนคร เพราะถือเป็นคดีที่ตำรวจกระทำกับประชาชน และยังคงเกิดเหตุขึ้นบนสถานีตำรวจด้วย
