ฉะเชิงเทรา - พ่อเมืองแปดริ้วเริ่มเดินเครื่องสางหนี้นอกระบบ จูงสองธนาคารร่วมแถลงข่าว หวังเป็นสื่อกลางสานประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้–เ จ้าหนี้ เถื่อนในพื้นที่ เข้าร่วมโครงการ คุยจังหวัดมีความพร้อมในการดำเนินการตามนโยบายภาครัฐ
วันนี้ (30 พ.ย.52) เวลา 15.30 น.ที่ห้องรับรองชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าฯ นายมนต์ดนัย ดวงเด่น คลังจังหวัดฉะเชิงเทรา นางเบญจะ สุวรรณกุล ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน จ.ฉะเชิงเทรา นายมณฑล สระทองน้อย ผู้อำนวยการธนาคาร ธ.ก.ส. ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันแถลงข่าว เพื่อเดินหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ให้หน่วยงานภาครัฐใน 3 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการคลัง ดำเนินการ
ซึ่งจะมีการเปิดรับลงทะเบียนใน 6 ธนาคาร คือ ธนาคารออมสิน ธนาคาร ธกส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเอสเอ็มอี แบงค์ และธนาคารอิสลาม ตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค.52 และในวันที่ 1-10 ม.ค.53 ทางธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลลูกหนี้ จากนั้นในวันที่ 11 ม.ค.53 ทางธนาคารจะส่งข้อมูลลูกหนี้ให้กรมบัญชีกลาง วันที่ 12-14 ม.ค.53 จะมีการประมวลผลและคัดกรองข้อมูล ก่อนที่จะเจรจาประนอมหนี้ระหว่างวันที่ 1 ก.พ.53-30 เม.ย.53
โดยประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ จะต้องมีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะแล้ว และเป็นหนี้นอกระบบไม่เกิน 200,000 บาท ก่อนวันที่ 19 พ.ย.52 และเป็นหนี้ที่ก่อขึ้นโดยสุจริตจากความจำเป็น และมีเอกสารประกอบการเป็นหนี้
สำหรับเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียน คือ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารการเป็นหนี้ เช่น สัญญาเงินกู้ยืม สัญญาขายฝาก สัญญาจำนอง ซึ่งผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบจะต้องไปลงทะเบียนภายในกำหนดระยะเวลา ตั้งแต่ วันที่ 1-30 ธ.ค.นี้ เวลาราชการ ได้ทั้ง 6 ธนาคาร โดยเฉพาะ ธนาคาร ธกส. และธนาคารออมสิน ที่จะเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันอาทิตย์เท่านั้น
ขณะที่ นายสุรพล กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดฉะเชิงเทรา มีความพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยขอให้ประชาชนออกมาลงทะเบียนกันมากๆ ซึ่งจะมีเอกสารการกู้ยืมหรือไม่ก็ตาม ขอให้ออกมาลงทะเบียนไว้ในเอกสาร นบ.1 เพื่อให้หน่วยงานราชการทราบ ซึ่งการแก้ปัญหาได้มุ่งเน้นอยู่ที่การลงทะเบียนเป็นสำคัญ หากมีรายใดมีปัญหามากเกินกว่าอำนาจของทางจังหวัดที่จะดำเนินการได้ ก็อาจจะขอให้ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าดำเนินการแก้ปัญหาให้