พิจิตร - ธ.ก.ส.พิจิตร เตือนเกษตรให้รีบขึ้นทะเบียนภายใน 15 ธ.ค.นี้ เพื่อได้รับสิทธิในการช่วยเหลือ ระบุมีเกษตรกรทำสัญญาแล้วกว่า 4 หมื่นราย หรือ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว
นายธรรมนูญ เทศขำ ผอ.ธ.ก.ส.พิจิตร เปิดเผยว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรจังหวัดพิจิตรประจำปี 2552 โดยเฉพาะข้าวเปลือกซึ่งถือได้ว่า จ.พิจิตร เป็นพื้นที่ ที่ปลูกข้าวได้มากติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชลประทานสามารถทำนาได้ 2 ปี 7 ครั้ง ทำให้มีผลผลิตเพื่อการส่งออกเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น โครงการประกันรายได้ของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องของชาวนาจึงถือเป็นภารกิจที่สำคัญ ที่ ธ.ก.ส.ต้องเข้าไปช่วยดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ และได้ทำสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 43,576 ราย คิดเป็น 71.1% ซึ่งอยากฝากเตือนว่า ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2552 เกษตรกรต้องมาขึ้นทะเบียนให้เสร็จสิ้น เพื่อจะได้รับสิทธิในการช่วยเหลือ
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยราคาพืชผลทางการเกษตร ตามโครงการประกันรายได้ ผลผลิตทางการเกษตรของชาวนาพิจิตร ขณะนี้มีชาวนาได้รับประโยชน์ไปแล้ว 2,189 ราย คิดเป็นเงิน 35.8 ล้านบาท จากผลผลิต 45,800 ตัน บนพื้นที่การเกษตร 7.8 แสนไร่ และจะยังคงเดินหน้าต่อไปในการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการของรัฐบาล ดังกล่าว
นอกจากนี้ โครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของ จ.พิจิตร คาดว่า จะมีผู้มาขอใช้บริการประมาณ 15,000 ราย จากประชาชน 12 อำเภอ โดยจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 1-30 ธันวาคม 2552 ณ ธ.ก.ส.พิจิตรทุกสาขา
ลูกหนี้นอกระบบต้องมาลงทะเบียน เพื่อเข้าสู่ขบวนการคัดกรองและคัดแยกถ้าเป็นหนี้จากการเกษตรไม่เกิน 2 แสนบาท ธ.ก.ส.ก็จะรับไว้ แต่ถ้าเป็นหนี้จากส่วนอื่น ธ.ออมสิน ก็จะเข้าดูแล จากนั้นก็จะเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาพูดคุยประนอมหนี้ลดต้นตัดดอกให้เข้าสู่ขบวนการของกฎหมาย แล้วจึงจะมีการทำสัญญาให้กู้ต่อไป
โดยผู้ที่จะได้รับจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะเป็นหนี้นอกระบบไม่เกิน 2 แสนบาท และเป็นหนี้ที่เกิดจากเหตุสุจริตและจำเป็น ไม่เกี่ยวข้องกับหนี้การพนันบอล หรือ การพนันอื่นๆ และต้องเป็นหนี้ที่เกิดก่อนวันที่ 19 พ.ย.2552 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมระหว่างเพื่อนฝูง บุคคลทั่วไป นายทุน เงินด่วนเสาไฟฟ้า หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้จะได้รับการแก้ไข ดังกล่าว
นายธรรมนูญ เทศขำ ผอ.ธ.ก.ส.พิจิตร เปิดเผยว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรจังหวัดพิจิตรประจำปี 2552 โดยเฉพาะข้าวเปลือกซึ่งถือได้ว่า จ.พิจิตร เป็นพื้นที่ ที่ปลูกข้าวได้มากติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชลประทานสามารถทำนาได้ 2 ปี 7 ครั้ง ทำให้มีผลผลิตเพื่อการส่งออกเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น โครงการประกันรายได้ของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องของชาวนาจึงถือเป็นภารกิจที่สำคัญ ที่ ธ.ก.ส.ต้องเข้าไปช่วยดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ และได้ทำสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 43,576 ราย คิดเป็น 71.1% ซึ่งอยากฝากเตือนว่า ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2552 เกษตรกรต้องมาขึ้นทะเบียนให้เสร็จสิ้น เพื่อจะได้รับสิทธิในการช่วยเหลือ
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยราคาพืชผลทางการเกษตร ตามโครงการประกันรายได้ ผลผลิตทางการเกษตรของชาวนาพิจิตร ขณะนี้มีชาวนาได้รับประโยชน์ไปแล้ว 2,189 ราย คิดเป็นเงิน 35.8 ล้านบาท จากผลผลิต 45,800 ตัน บนพื้นที่การเกษตร 7.8 แสนไร่ และจะยังคงเดินหน้าต่อไปในการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการของรัฐบาล ดังกล่าว
นอกจากนี้ โครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของ จ.พิจิตร คาดว่า จะมีผู้มาขอใช้บริการประมาณ 15,000 ราย จากประชาชน 12 อำเภอ โดยจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 1-30 ธันวาคม 2552 ณ ธ.ก.ส.พิจิตรทุกสาขา
ลูกหนี้นอกระบบต้องมาลงทะเบียน เพื่อเข้าสู่ขบวนการคัดกรองและคัดแยกถ้าเป็นหนี้จากการเกษตรไม่เกิน 2 แสนบาท ธ.ก.ส.ก็จะรับไว้ แต่ถ้าเป็นหนี้จากส่วนอื่น ธ.ออมสิน ก็จะเข้าดูแล จากนั้นก็จะเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาพูดคุยประนอมหนี้ลดต้นตัดดอกให้เข้าสู่ขบวนการของกฎหมาย แล้วจึงจะมีการทำสัญญาให้กู้ต่อไป
โดยผู้ที่จะได้รับจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะเป็นหนี้นอกระบบไม่เกิน 2 แสนบาท และเป็นหนี้ที่เกิดจากเหตุสุจริตและจำเป็น ไม่เกี่ยวข้องกับหนี้การพนันบอล หรือ การพนันอื่นๆ และต้องเป็นหนี้ที่เกิดก่อนวันที่ 19 พ.ย.2552 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมระหว่างเพื่อนฝูง บุคคลทั่วไป นายทุน เงินด่วนเสาไฟฟ้า หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้จะได้รับการแก้ไข ดังกล่าว
