สุรินทร์ - ตร.ทางหลวง ร่วมภูธรและจนท.กระทรวงทรัพย์ฯ สนธิกำลังตั้งด่านสกัดจับรถ 10 ล้อ ขนไม้พะยูงเถื่อน จากชายแดน สปป.ลาว ด้าน จ.อุบลฯ ได้ผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางรถบรรทุกและไม้พะยูงมูลค่าที่ปลายทางต่างประเทศกว่า 4 ล้าน ด้านตำรวจเร่งขยายผลลากนายทุนอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.จิระประภาพ สุทธปรีดา สารวัตรทางหลวง 3 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยตำรวจทางหลวงที่ 3 จ.สุรินทร์ ตำรวจภูธรท่าตูม เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สุรินทร์ ได้นำกำลัง ทั้ง 3 หน่วย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 32-33 ทางหลวงหมายเลข 215 ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
ภายหลังจากได้รับแจ้งจากสายตำรวจว่า มีขบวนการลักลอบขนไม้พะยูง จะเคลื่อนย้ายไม้พะยูงผิดกฎหมาย จากบริเวณป่าไม้ชายแดนด้าน อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี เขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยใช้รถบรรทุกสิบล้อยี่ห้อ ฮีโน่ มีผ้าใบปกคลุมมิดชิด เป็นยานพาหนะ ในการเคลื่อนย้ายไม้พะยูง
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาถึงจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ได้เรียกเพื่อทำการตรวจค้น พบว่า เป็นรถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่อ้อฮีโน่ ป้ายทะเบียนสีเหลือง หมายเลขทะเบียน 70-1479 อุบลราชธานี มีนายสวัสดิ์ จำปาตุม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ที่ 7 ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นคนขับรถ และนางสาวกรรณิกา พุทไธสง นั่งมาในรถคันดังกล่าวด้วย
โดยท้ายรถบรรทุกถูกคลุมด้วยผ้าใบมิดชิด และใช้ถุงปุ๋ยบรรจุแกลบและเศษใบไม้ ปกคลุมมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อตบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นการบรรทุกข้าวเปลือก เมื่อเจ้าหน้าที่รื้อผ้าใบและถุงปุ๋ยออกพบเป็นไม้พะยูง ตรวจนับได้จำนวน 33 ท่อน มูลค่าในประเทศไทยประมาณ 1.5 แสนบาท และหากส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ จะมีมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
นายสวัสดิ์ จำปาตุม คนขับรถให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ตนเป็นเพียงคนขับจ้างรถรถบรรทุกสิบล้อ คันดังกล่าวมาเท่านั้น โดยมีผู้ว่าจ้าง ให้ขับรถคันไปส่งข้าวเปลือก ที่กรุงเทพฯ จะมีรถวิ่งนำหน้า และให้ขับรถวิ่งตามที่เขาพาไป ส่งของปลายทางที่กรุเทพฯไม่ทราบว่าบริเวณใด และตน ได้รับค่าจ้างไม่กี่พันบาทเท่านั้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่ง ร.ต.อ.อิทธิพล กระจายศรี พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตูม ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมีไม้หวงห้าม ไม้พะยูงไว้ในครอบครองเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต” และจะได้เร่งขยายผลจับกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป