จันทบุรี - คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามแนวทางพระราชดำริฯ ในจังหวัดจันทบุรี
วันนี้ (5 พ.ย.) คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือสำนักงาน กปร.นำโดย หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ รองเลขาธิการ กปร.พร้อมผู้บริหารกรมชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จังหวัดจันทบุรี น้อมนำแนวทางพระราชดำริฯ มาปรับใช้ เพื่อนำข้อมูลผลการดำเนินโครงการที่ประสบความสำเร็จ ไปเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์เป็นตัวอย่างการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันในจังหวัดอื่น
นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จังหวัดจันทบุรีได้น้อมนำแนวพระราชดำริฯ ที่ได้พระราชทานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัดจันทบุรี มาใช้ในการแก้ปัญหาโดยตลอด และตัวอย่างปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่งสำหรับปริมาณน้ำท่าของจังหวัดจันทบุรีในแต่ละปี มีมากถึง 6,662 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีแหล่งน้ำที่กักเก็บน้ำขนาดกลางกระจายอยู่ตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ประมาณ 254 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเพียงร้อยละ 3.81 ซึ่งทำให้ในฤดูฝนเกิดปัญหาอุทกภัย และเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ซ้ำซากทุกปี
ทางจังหวัดได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริฯ โดยบูรณาการงบประมาณเข้าป้องกันแก้ไขปัญหา การเพิ่มความจุในแหล่งน้ำเดิมมากขึ้น เช่น การขุดลอกแม่น้ำ คู คลอง อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในที่ลุ่ม รวมทั้งการเสริมคันสันฝาย ปรับปรุงสภาพฝาย สำรวจพื้นที่จัดทำแก้มลิงธรรมชาติพร้อมระบายน้ำเพิ่มความจุ มีการเพิ่มช่องทางระบายน้ำในถนนที่กีดขวางทางระบายน้ำ และก่อสร้างแนวผันน้ำใหม่ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ
ส่งเสริมให้ประชาชนอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ ใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมไม่ให้มีการรุกล้ำพื้นที่แม่น้ำ คู คลอง ใช้ระบบโทรมาตรติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่างๆ ช่วงวิกฤติเพื่อเฝ้าเตือนภัยประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะได้เยี่ยมชมโครงการที่บริเวณทุ่งสระบาปซึ่งเป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติรับน้ำในเขตอำเภอเมือง หนองตะพองอำเภอมะขาม และเยี่ยมชมการดำเนินการ โครงการ คลองช้างข้าม-ท่าประดู่ ตำบลบ่อ อำเภอขลุง
วันนี้ (5 พ.ย.) คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือสำนักงาน กปร.นำโดย หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ รองเลขาธิการ กปร.พร้อมผู้บริหารกรมชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จังหวัดจันทบุรี น้อมนำแนวทางพระราชดำริฯ มาปรับใช้ เพื่อนำข้อมูลผลการดำเนินโครงการที่ประสบความสำเร็จ ไปเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์เป็นตัวอย่างการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันในจังหวัดอื่น
นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จังหวัดจันทบุรีได้น้อมนำแนวพระราชดำริฯ ที่ได้พระราชทานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัดจันทบุรี มาใช้ในการแก้ปัญหาโดยตลอด และตัวอย่างปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่งสำหรับปริมาณน้ำท่าของจังหวัดจันทบุรีในแต่ละปี มีมากถึง 6,662 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีแหล่งน้ำที่กักเก็บน้ำขนาดกลางกระจายอยู่ตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ประมาณ 254 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเพียงร้อยละ 3.81 ซึ่งทำให้ในฤดูฝนเกิดปัญหาอุทกภัย และเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ซ้ำซากทุกปี
ทางจังหวัดได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริฯ โดยบูรณาการงบประมาณเข้าป้องกันแก้ไขปัญหา การเพิ่มความจุในแหล่งน้ำเดิมมากขึ้น เช่น การขุดลอกแม่น้ำ คู คลอง อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในที่ลุ่ม รวมทั้งการเสริมคันสันฝาย ปรับปรุงสภาพฝาย สำรวจพื้นที่จัดทำแก้มลิงธรรมชาติพร้อมระบายน้ำเพิ่มความจุ มีการเพิ่มช่องทางระบายน้ำในถนนที่กีดขวางทางระบายน้ำ และก่อสร้างแนวผันน้ำใหม่ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ
ส่งเสริมให้ประชาชนอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ ใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมไม่ให้มีการรุกล้ำพื้นที่แม่น้ำ คู คลอง ใช้ระบบโทรมาตรติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่างๆ ช่วงวิกฤติเพื่อเฝ้าเตือนภัยประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะได้เยี่ยมชมโครงการที่บริเวณทุ่งสระบาปซึ่งเป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติรับน้ำในเขตอำเภอเมือง หนองตะพองอำเภอมะขาม และเยี่ยมชมการดำเนินการ โครงการ คลองช้างข้าม-ท่าประดู่ ตำบลบ่อ อำเภอขลุง
