เลาะโขงชมแพเซิ้งกระทงนครพนม

นครพนม - เลาะโขงวันลอยกระทงคืนเพ็ญที่นครพนม ชมแห่เรือเซิ้งที่บ้านแพง ซื้อกระทงไอศกรีมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอาหารปลาที่ธาตุพนม

งานประเพณีลอยกระทงในคืนวันเพ็ญเดือน 12 วันที่ 2 หลายเทศบาลตามแนวลำน้ำโขงตั้งแต่ของจังหวัดนครพนมตั้งแต่ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง อ.ธาตุพนม รวมทั้ง อบต.หลายแห่ง ได้เตรียมพร้อมจัดงานลอยกระทงสร้างความครึกครื้น ร่วมกับชาวบ้านเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีสืบทอดกันมาแต่โบราณไม่ให้สูญหาย

เริ่มที่งานลอยกระทงที่อำเภอบ้านแพงได้รับการเปิดเผยจาก นายณรงค์ แพงสาร นายเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแพง กล่าวว่า การจัดงานลอยกระทงที่อำเภอบ้านแพงนั้นจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครคือในช่วงตอนกลางวันเราจะมีประเพณีแห่เรือเซิ้งกระทงบริเวณหนองเครือเขาชาวบ้านในเขตเทศบาลและ อบต.ต่างๆ จะทำแพเรือขนาดใหญ่มุงหลังคาเหมือนบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับนำเครื่องดนตรีพื้นเมือง พร้อมนางรำชนเผ่าต่างลงไปฟ้อนรำในแพเซิ้งอย่างสนุกสนาน

ขณะแพเซิ้งก็จะล่องในลำน้ำให้ประชาชนริมฝั่งได้ชมกันอย่างตระการตา ซึ่งในแต่ละปีจะมีเรือแพเซิ้งไม่ต่ำกว่า 5 ลำ และมีประชาชนมาเที่ยวที่อำเภอบ้านแพงเป็นจำนวนมาก ส่วนตอนกลางคืนก็มีการลอยกระทง และประกวดนางงานตามปกติ สรุปคืองานลอยกระทงอำเภอบ้านแพงจะสนุกทั้งกลางวันกลางคืน

ด้าน นายนิวัติ เจียวิริยะบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า สำหรับงานลอยกระทงของเทศบาลจะเน้นการอนุรักษ์ โดยให้ชาวบ้านแต่ละชุมชนทำกระทงที่ผลิตจากใบตองมาประกวดที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงพร้อมการลอยกระทงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และการประกวดเทพีนางนพมาศเหมือนทุกปีที่ผ่านมา และงานลอยกระทงก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในเขตเทศบาล คือ การทำกระทงใบตองขายทำเงินและชาวบ้านในชนบทก็มีรายได้จากการขายใบตองด้วย

แต่การผลิตกระทงจำหน่ายในวันลอยกระทงที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนต้องยกให้กระทงของ คุณกานดา นามหม่อง อายุ 32 ปี แม่บ้านชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีไอเดียเก๋พยายามหาวิธี คิดค้นประดิษฐ์กระทงจากวัสดุ ที่ไม่เกิดมลภาวะต่อสภาพแวดล้อม โดยได้ศึกษาคิดค้น ออกแบบ ประดิษฐ์กระทง จากโคนไอศกรีม (จอกใส่ไอติ๋ม) ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด ในราคาอันละประมาณ 50 สตางค์ เท่านั้น แต่สามารถนำมาประดิษฐ์เป็นกระทงที่มีความสวยงาม ลงตัว เป็นที่สนใจ มีประชาชนมาติดต่อสั่งซื้อ ไปเตรียมลอย จำนวนมาก จนไม่สามารถผลิตได้ทัน

นางกานดา นามหม่อง อายุ 32 ปี เจ้าของไอเดียกระทงโคนไอศกรีม เล่าถึงที่มาของการประดิษฐ์กระทงจากโคนไอศกรีม ว่า ในปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ตนประดิษฐ์กระทงจากโคนไอศกรีมขาย เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาในงานประเพณีลอยกระทงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เห็นประชาชนจำนวนมาก ยังประดิษฐ์กระทงจากโฟม ต้นกล้วย รวมถึงวัสดุที่ย่อยสลายยาก ทำให้แม่น้ำโขง และแหล่งน้ำตามสวนสาธารณะเกิดมลพิษ

ตนจึงมีความคิดที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสภาพแวดล้อม จึงได้ศึกษา หาวิธีประดิษฐ์กระทงจากโคลนไอศกรีมกับเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อนำมาขายในงานลอยกระทง จนเป็นที่สนใจมีประชาชนมาซื้อไปลอยจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ตนจึงประดิษฐ์กระทงจากโคลนไอศกรีมไว้จำหน่ายอีก ซึ่งกำไรจากการขายนั้นได้จำนวนไม่มากนัก แต่ถือว่าได้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดลอม

นางกานดา กล่าวอีกว่า สำหรับกระทงโคนไอศกรีม จะทำจากวัสดุ ประกอบด้วย กระดาษ และโคนไอศกรีม ทำจากขนมปังเท่านั้น โดยขั้นตอนการประดิษฐ์จะเริ่มจากการนำกระดาษมาตัด ม้วนเป็นวงกลมติดกาวเป็นฐานของกระทง ก่อนนำโคนไอศครีมที่ตัด ที่ใช้ความชำนาญเฉพาะตัว ตัดเป็นลวดลาย คล้ายดอกไม้ ตามแบบที่คิดค้นเอง มาทากาวประกอบ แปะติดเป็นชั้นให้เกิดความสวยงาม ตามต้องการ จนออกมาเป็นกระทงที่มีความสวยงาม สามารถนำมาลอยน้ำได้เสมือนกระทงที่ทำจากต้นกล้วย

แต่ที่สำคัญคือ ย่อยสลายง่าย เมื่อปล่อยไหลไปตามน้ำเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ย่อยสลายหมด แถมปลายังกินเป็นอาหารได้อีก ซึ่งกระทง 1 อัน จะใช้โคนไอศครีมประมาณ 10-12 อัน ส่วนสีสันหากต้องการความสวยงามก็สามารถสั่งให้ร้านขนมปังทำโคนไอศครีม ออกมาได้หลากสีตามต้องการ สำหรับต้นทุนกระทงจะตกอันละประมาณ 10 บาท โดยจะนำมาขายส่งในราคา 15 บาท หรือขายย่อยราคาอันละ 20 บาท ในแต่ละปีตนจะทำกระทงไอศกรีมได้ประมาณ 4,000-5,000 อัน ซึ่งทำเองตามกำลังไม่ได้จ้างแรงงาน เพราะไม่ได้หวังกำไรมาก เพียงเหลือค่าใช้จ่ายเล็กน้อย

แต่ได้ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และในปีนี้หลังจากปีที่แล้วนำออกไปวางขาย ทำให้มีหลายหน่วยงานมาติดต่อสั่งซื้อจนทำไม่ทัน หากใครสนใจที่จะศึกษา ก็ยินดีจะแนะนำ หรือต้องการสั่งทำกระทงโคนไอศครีม สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 085-7610283 และอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้กระทงจากวัสดุย่อยสลายง่าย ไม่เกิดมลภาวะ เป็นการลดภาวะโลกร้อน

นี้นับเป็นอีกหนึ่งความคิดที่หลายคนควรนำไปเป็นแบบอย่าง หันมาร่วมมือ ร่วมใจกัน รณรงค์ใช้กระทงจากวัสดุที่ไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติกำลังเสื่อมโทรมลง จนเกิดภัยธรรมชาติ และภาวะโลกร้อน เป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินมาแล้วจำนวนมาก จึงควรให้ความสำคัญ หันมาช่วยกันดูแลอนุรักสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะสายเกินแก้ไข