เชียงราย – ไฮซีซันเมืองพ่อขุนเริ่มฟื้น เที่ยวบินเข้าถูกจองเต็มทุกไฟลต์ ททท.คาดเฉพาะหนาวนี้ที่เชียงรายมีเงินสะพัดนับพันล้านแน่ ขณะที่สารพัดหน่วยงานระดมพลังจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเต็มที่ ทั้งเทศกาลดอกไม้งาม-ลอยกระทง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ช่วงไฮซีซันของเชียงรายปีนี้ หลายหน่วยงานได้เตรียมการจัดงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างคึกคัก หลังจากรอบปีที่ผ่านมาเกิดวิกฤติทางการเมือง โรคระบาดและเศรษฐกิจ จนส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างหนัก โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีกำหนดจัดงานเทศกาลดอกไม้งามครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.2552 - 4 ม.ค.2553 ณ ลานสาธารณะหลังอาสารักษาดินแดน เชิงสะพานเฉลิมพระเกียรติ ริมฝั่งแม่น้ำกกที่ร่มรื่น ภายในงานมีการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวนานาพรรณ เช่น ทิวลิป ลิลลี่ ฯลฯ ซึ่งสร้างความประทับใจมาแล้วเป็นประจำทุกปีรวมทั้งมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนเทศกาลลอยกระทงปีนี้ก็มีการจัดหลายพื้นที่ เช่น เทศบาลนครเชียงรายจัดงานระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย.ณ สวนสาธารณะฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง, อ.เชียงแสน ร่วมกันเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน และองค์การปกครองส่วนตำบล (อบต.) โดยรอบอีก 5 ตำบล จัดงานประเพณีลอยกระทงในแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 1-2 พ.ย.ณ.หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ส่วน จ.เชียงราย กำหนดจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์การท่องเที่ยวและการค้าในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างวันที่ 8-15 ธ.ค. ณ สนามบินเก่าของฝูงบิน 416 อ.เมือง ด้วย
นางอัจฉริกา มณีสิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย เปิดเผย “ASTV ผู้จัดการ” ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในฤดูหนาวปี 52-53 นี้เชื่อว่าได้ฟื้นตัวไปสู่ทิศทางที่ดีแล้วเพราะวิกฤติการณ์ต่างๆ เริ่มเบาบางลง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจโลกและโรคระบาดต่างๆ ดังนั้นทาง ททท.จึงมีการพัฒนาแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากเดิมเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อคนภายในประเทศก็หันไปสู่การส่งเสริมตลาดจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้คาดการณ์ว่าตัวเลขสถิติต่างๆ จะดีขึ้นกว่าปีก่อนแต่คงจะไม่เท่าช่วงปกติเมื่อ 2-3 ปีก่อน โดยสังเกตจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่น สายการบินต่างๆ เต็มเกือบทุกเที่ยว ฯลฯ แต่ก็ยังคงเป็นคนไทยและต่างประเทศอย่างละ 50% แทนที่จะเป็นชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่เหมือนหลายปีก่อน
นางอัจฉริกากล่าวว่า ปี 51 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวไปเยือนเชียงรายประมาณ 1.7 ล้านคน และเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ก็มีมากกว่า 400,000-500,000 คน ใกล้เคียงกับปี 50 ซึ่งสามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดได้กว่า 9,800 ล้านบาท และเฉพาะช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นจำนวนมากและสร้างรายได้เข้าจังหวัดกว่า 500 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้หากไม่มีเหตุการณ์ใดๆ แทรกแซงคาดว่าอาจขึ้นไปถึงกว่า 600-700 ล้านบาทได้เช่นกัน และปี 53 เป็นต้นไปทาง ททท.มีกลยุทธ์พัฒนาการท่องเที่ยวภาคเหนือด้วยการเชื่อมโยงจังหวัดต่างๆ เข้าด้วยกัน
โดย ททท.สำนักงานเชียงราย ซึ่งดูแลพื้นที่เชียงรายและพะเยา ก็มีโครงการส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชียงราย-พะเยา ด้วยการเปิดเส้นทางระหว่างเชียงราย-ภูชี้ฟ้า ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนอยู่แล้วแต่จะขยายต่อไปตามเส้นทางภูชี้ฟ้า-อ.ภูซาง จ.พะเยา ต่อไปยัง อ.เชียงคำ มุ่งสู่ถนนสายดอกไม้ที่สวยงามของสองข้างทางสู่ อ.ดอกคำใต้-อ.เมืองพะเยา เพื่อนั่งเรือไหว้พระกลางกว๊านพะเยา เยี่ยมชมวัดศรีโคมคำ ฯลฯ
ส่วนของเชียงรายจะมีการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้น ทั้งโบราณสถานเชียงแสน งานจุลกฐินที่วัดพระธาตุผาเงา ซึ่งเป็นหนึ่งในมหัศจรรย์ฝั่งโขง ควบคู่ไปกับส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ตามปกติต่อไป ซึ่งปีนี้ถือว่า เราทำไปมากกว่าทุกปีโดยเฉพาะการจัดงานโรดโชว์ 5 ภาค มุ่งเจาะตลาดระดับรองซึ่งมีเงินทุนแต่ยังไม่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวที่เชียงรายให้เดินทางไปเที่ยวมากขึ้น แทนนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่รู้จักเชียงรายดีอยู่แล้ว
นางอัจฉริกากล่าวอีกว่า ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในต่างประเทศนั้น ทาง ททท.ได้จัดงานส่งเสริมการขายตามประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมกล้าออกไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวร่วมกับ ททท.เพราะจะเป็นการเปิดตลาดให้มีการพบปะกับตลาดในต่างประเทศโดยตรง
ด้าน นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า การท่องเที่ยวของเชียงรายเริ่มดีขึ้นตามลำดับแตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยสังเกตุากการจับจองห้องพักโรงแรมต่างๆ ที่มีเข้ามาอย่างเนืองแน่น ส่วนสายการบินทุกสายก็ถูกจองจนเต็มทุกวัน แต่คาดว่าตัวเลขการเข้าพักจะมีอยู่ในระดับ 70% เมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะเป็นเพียงช่วงต้นของการฟื้นตัวเท่านั้น
ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่น่ากังวลเรื่องการปรับค่าบริการต่างๆ ของผู้ประกอบการ เช่น ค่าที่พัก อาหาร ฯลฯ เพราะทุกฝ่ายต่างรู้ดีว่าพึ่งฟื้นตัว ไม่ควรทำให้เกิดผลกระทบซ้ำเติมการท่องเที่ยวลงไปอีก การปรับราคาอาจจะเพิ่มเพียงเล็กน้อยตามปกติของไฮซีซั่น เช่น ค่าเช่ารถตู้วันละ 1,200-1,600 บาทก็ขึ้นไปเป็น 1,800-2,000 บาท ค่าห้องพักของโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ช่วงปกติคิดราคาคืนละ 1,000-1,200 บาท ก็ขึ้นเป็นระดับ 1,400 บาทขึ้นไป เป็นต้น
“เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นทางสมาคมท่องเที่ยวจึงได้ส่งเสริมเส้นทาง 3 ภู คือ ภูหลงถัง ภูผาตั้ง ภูชี้ฟ้า จากนั้นเชื่อมไปยังน้ำตกภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา หรือเชื่อมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติระหว่างเชียงราย-พะเยา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเส้นทางอื่นๆ ต่อไป” นายสมเกียรติกล่าว