หนองคาย - แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ลงพื้นที่ อ.ท่าบอ จ.หนองคาย ตรวจสอบเหตุการณ์ภรรยาเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า อ.ท่าบ่อ เสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจระบุเป็นการผูกคอตายเอง ทั้งท้าทายให้ญาติผู้ตายหากติดใจให้ร้องศาลเอง สุดท้ายญาติเอาจริง ด้านผลผ่าศพพิสูจน์ หมอพรทิพย์ ระบุ พบร่องรอยปริศนาหลายแห่ง
วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบคดีที่ นายพชร ธนบุญญาสกุล อายุ 25 ปี ลูกชายของ นางวนภรณ์ ธนบุญญาสกุล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 6 ถ.ผดุงสามัคคี ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองและร้องขอให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ชันสูตรศพนางวนภรณ์
ซึ่งเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการใช้ชุดนอนแบบกระโปรงยาว 2 ตัว ผูกเข้าด้วยกันติดกับราวบันได ชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า นิวโชคชัยการไฟฟ้า แล้วผูกเข้ากับคอของ นางวนภรณ์ จนเวลาประมาณ 02.00 น. นายธนพล ธนบุญญาสกุล อายุ 48 ปี สามี นางวนภรณ์ มาพบจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ
ญาติผู้ตายฉุนตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ
แพทย์ระบุว่า นางวนภรณ์ เสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์ประมาณ 2-4 ชั่วโมง หลังจากนางวนภรณ์เสียชีวิตแล้ว นายพชร ลูกชายของนางวนภรณ์ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อนุวัฒน์ อ่อนโก้ก สารวัตรเวรสอบสวนสภ.ท่าบ่อ เนื่องจากไม่เชื่อว่า นางวนภรณ์ จะผูกคอตายเอง อยากให้ส่งศพไปชันสูตร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ นายพชร จึงทำเรื่องถึงแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ให้ช่วยคลี่คลายคดีให้
ในครั้งนี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้นำภาพถ่ายผลการชันสูตรศพนางวนภรณ์ เปรียบเทียบกับภาพที่ตำรวจในพื้นที่ใช้สรุปสำนวน ซึ่งพบว่ามีความแตกต่างกันหลายจุด จากนั้นได้สอบถามข้อมูลจาก นายธนพล สามีผู้ตาย ซึ่งระบุว่า เป็นผู้ที่พบนางวนภรณ์เป็นคนแรก และยังได้แกะปมชุดนอนออกจากคอนางวนภรณ์ แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่นำหุ่นที่มีลักษณะส่วนสูง น้ำหนัก เท่าตัวผู้ตาย จำลองเหตุการณ์ ให้ นายธนพล มัดชุดนอนเข้าด้วยกันแล้วคล้องคอหุ่น ให้ นายธนพล แกะปมชุดนอนนำหุ่นออกมา
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เปิดเผยว่า คดีนี้ญาติไม่เชื่อว่าสาเหตุการตายจะเป็นอย่างที่คนพบศพบอก แพทย์ที่ชันสูตรเองก็ไม่แจ้งผลให้ทราบ กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของประชาชนทั้งประเทศ ว่า เป็นเรื่องของตำรวจ แต่จริงๆ แล้ว เป็นสิทธิของคนตายที่จะต้องรู้
อีกทั้งญาติเกิดความรู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากติดต่อกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมดำเนินการใดๆ ให้ และยังบอกให้ญาติไปร้องศาล ถ้าศาลสั่งแล้วจะทำ ญาติจึงไปร้องต่อศาลและมีคำสั่งให้ตำรวจรับเรื่องและนำมาสู่การดำเนินการของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งหลังจากที่ได้ดูศพแล้ว ปรากฏว่า มีแผลที่เกิดตามร่างกายหลายแห่งที่น่าสงสัย ซึ่งต้องรอคำตอบ โดยพยานในคดีที่สำคัญ ทั้งสามี ลูกชาย ญาติผู้ตาย จะเป็นตัวช่วยให้คดีนี้คลี่คลายได้ ถึงตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะจะมีหลายฝ่ายที่ต้องตอบปริศนาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนกว่านี้
แกะปมคดีคล้อยหลังแค่ 2 วัน น้องชายผู้ตายซดยาพิษดับ
สำหรับคดีนี้ หลังจากที่ นางวนภรณ์ เสียชีวิตแล้ว อีก 2 วันต่อมา นายสามารถ พรพิรุณโรจน์ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของ นางวนภรณ์ ก็ได้ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่อยู่ภายในโกดังเก็บของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าของพี่สาว ด้านหลังโรงเรียนโกมลวิทยาคาร ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ได้นำตัวนายสามารถที่ยังมีสติอยู่ส่งโรงพยาบาลอุดรธานี แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ไม่มีใครติดใจกับการตายของนายสามารถ เพราะนายสามารถเคยบอกว่าจะฆ่าตัวตายตามพี่สาวไป
โดยหลังจากที่ นางวนภรณ์ เสียชีวิตในวันแรกนั้น นายสามารถ ได้มาร่วมงานศพ พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 8 ก.ย.52 นางวนภรณ์ ได้โทรศัพท์หาตนให้มาพบที่บ้าน บอกว่า มีเรื่องทะเลาะกับสามี แต่นายสามารถ บอกว่า เป็นเรื่องของครอบครัว จึงไม่ได้มาหา ต่อมาเวลา 23.00 น.นางวนภรณ์ ได้โทรศัพท์หานายกวี ลูกชายคนโตที่อยู่กรุงเทพฯ บอกว่าทะเลาะกับสามีแต่ดีกันแล้ว
กระทั่ง 02.00 น.ของวันที่ 9 ก.ย.นายธนพล พานางวนภรณ์ ไปส่งโรงพยาบาล บอกว่า นางวนภรณ์ ผูกคอตาย ต่อมาอีกประมาณ 2 วัน เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่บ้าน และพบจดหมายลาตายของ นางวนภรณ์ เนื้อความในจดหมายระบุว่า “ลาก่อนพี่ ดูแลลูกให้ดีๆ เป็นห่วงลูก เข้าใจพี่แล้ว ทรัพย์สินเงินทอง แบ่งครึ่งให้ลูกสองคนนะ ขอลาด้วยน้ำตา”
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้ให้ นายพชร ลูกชาย ดูข้อความในจดหมายเทียบเคียงตัวหนังสือของนางวนภรณ์ พบว่า มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามคลี่คลายคดีนี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายเองหรือฆาตกรรมอำพรางในลำดับต่อไป
