หนองคาย – นักท่องเที่ยวเรือนแสนแน่นริมฝั่งโขงหนองคาย รอลุ้นชมบั้งไฟพญานาค ทางวัดไทยทำพิธีบวงสรวงพญานาคขอให้เกิดบั้งไฟพญานาคให้มาก ขณะที่บั้งไฟพญานาค 6 ลูกแรกผุดขึ้นในเวลา 18.56 น.ที่บ้านท่าม่วง ท่ามกลาสงเสียงเฮลั่นริมโขงของนักท่องเที่ยว รอง ผบช.ภ.4 ลงพื้นที่คุมการจราจรด้วยตนเอง มั่นใจราบรื่น นักธุรกิจคาดเงินสะพัดอย่างต่ำ 50 ล้านบาท
บรรยากาศการชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในวันนี้ (4 ต.ค.) ได้มีประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังพื้นที่ที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.โพนพิสัย, อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อมาถึงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันจับจองที่นั่งที่ดีที่สุดในการชมบั้งไฟพญานาค โดยปูเสื่อริมฝั่งแม่น้ำโขงจับจองที่นั่งชมกันล่วงหน้า
ขณะที่ทางวัดไทย ต.จุมพล อ.โพนพิสัย ซึ่งก็ได้ประกอบพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค มีการตั้งโต๊ะเครื่องบวงสรวง ทั้งบนดินและเตรียมลอยน้ำถวายพญานาค เพื่อแสดงความสักการบูชาความศรัทธาของชาวหนองคายต่อพญานาค พร้อมทั้งขอให้พญานาคพ่นลูกไฟให้นักท่องเที่ยวได้ชม
ในส่วนของการจัดการด้านการจราจรนั้น พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.ภ.4 เป็นประธานปล่อยแถวตำรวจ สภ.โพนพิสัย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ซึ่งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบอำนวยการจราจร ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กว่า 200 นาย
พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ประชาชนที่จะมาชมบั้งไฟพญานาคในทุกปีมีปริมาณมาก ทำให้การจราจรติดขัดบนถนนสายหลัก ซึ่งในปีนี้ตำรวจภูธรภาค 4 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ที่เดินทางมาชมบั้งไฟพญานาค โดยประชาชนที่ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนมิตรภาพ ผ่าน จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงเขต อ.เมืองหนองคายแล้ว สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 212 มุ่งหน้าไป อ.โพนพิสัย-อ.บึงกาฬ ระยะทางประมาณ 120 กม.จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้นทางที่ประชาชนใช้สัญจร ซึ่งได้กำหนดให้มีการเดินรถทางเดียว จาก อ.โพนพิสัย ถึง กม.ที่ 12 หน้าโรงงานสุรา อ.เมืองหนองคาย ตั้งแต่เวลา 20.00-23.00 น.
พร้อมกันนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ และตำรวจอาสา เดินตระเวนปะปนไปกับนักท่องเที่ยว สังเกตมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสช่วงคนแออัด ล้วงกระเป๋า ขโมยทรัพย์สินมีค่า หรือหากเกิดเหตุร้ายขึ้นตำรวจจะได้ช่วยระงับเหตุได้ทันท่วงที อีกทั้งยังขอความร่วมมือกับนักท่องเที่ยวอย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเมา ขาดสติ ซึ่งจะรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นขณะรอชมบั้งไฟพญานาคและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย
เวลา 15.00 น.พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ ขึ้นบินตรวจสภาพการจราจรบนถนนสายหนองคาย – โพนพิสัย โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งพบว่าการจราจรในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคในปีนี้การจราจรโดยทั่วไป รถยนต์ทุกชนิด สามารถเคลื่อนตัวได้ดี มีติดขัดบ้างช่วงรอยต่อระหว่างทางร่วมทางแยก บริเวณคอขวด แต่ก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ไปได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้ช่วงงานบั้งไฟพญานาคตรงกับวันเสาร์ วันอาทิตย์ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ อ.โพนพิสัย อ.รัตนวาปี และจุดอื่นๆ ที่พบการเกิดบั้งไฟพญานาคตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา และทยอยเดินทางตั้งแต่เช้า จึงทำให้ช่วงบ่ายซึ่งกังวลกันว่าอาจเกิดการจราจรติดขัด เป็นไปด้วยดี รถยนต์เคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ที่ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ ริมถนนได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายสุรชัย ดิ่งสวัสดิ์ กรรมการหอการค้า จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.ตลอดช่วงการจัดงานทุกพื้นที่ คาดว่ามีเงินสะพัดอย่างน้อย 50 ล้านบาท นักท่องเที่ยวประมาณ 3 แสนคน โดยเฉลี่ยคาดว่านักท่องเที่ยวจะใช้เงินคนละ 1,000 บาท ซึ่งสังเกตพบว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเดินทางโดยรถทัวร์ หรือรถตู้ มาเป็นหมู่คณเป็นส่วนใหญ่ มากกว่ารถยนต์ส่วนตัว ประกอบกับปีนี้วันออกพรรษาตรงกับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่ก่อนล่วงหน้า ที่พัก โรงแรม รีสอร์ตต่างๆ เต็มทุกที่ ล้นไปจนถึงตามวัดต้องจัดสถานที่ให้หลับนอน นอกเหนือจากการกางเต็นท์นอนตามสถานที่ราชการ และถือว่าเป็นโชคดีที่พายุกิสนาได้อ่อนกำลังและหมดฤทธิ์ไปก่อนจะถึงวันออกพรรษาเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่วางโปรแกรมมาชมบั้งไฟพญานาคไว้แล้วมาตามกำหนดเดิม
บั้งไฟพญานาค มีลักษณะเป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู พุ่งจากแม่น้ำโขง ขึ้นสูงเป็นแนวตรง 50-150 เมตร แล้วหายไป ขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ไม่มีการตกลงมา เดิมชาวหนองคายเรียกว่า “บั้งไฟผี” ส่วนชาวเวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว เรียก “ดอกไม้ไฟน้ำ”
อ้างอิงตามความเชื่อและเรื่องราวสืบต่อกันมา ชาวหนองคาย และชาวเวียงจันทน์ ได้เชื่อมโยงพุทธประวัติครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระนางสิริมหามายา พุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 1 พรรษา จนดับขันธ์ปรินิพพาน และเสด็จสู่โลก วันออกพรรษานี้ พร้อมผายพระกรออกเป็น พระพุทธรูปปางเปิดโลก ชาวพุทธเชื่อกันว่าสวรรค์มนุษย์และบาดาลจะเปิดถึงกันในวันนี้ เหล่าพญานาคทั้งหลายต่างพ่นลูกไฟถวายชื่นชมยินดี จึงเป็นที่มาของ บั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อและศรัทธายิ่ง
สำหรับในปีนี้ จ.หนองคาย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และเทศบาลเมืองหนองคาย กำหนดจัดงานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค.2552 ซึ่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค.2552 มีการคาดการณ์กันว่า จะเป็นวันเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค และยังมีการจัดกิจกรรมมากมาย เช่น ถนนอาหาร, การแสดงแสงเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาค, การแข่งขันเรือยาวประเพณี, การประกวดกระทงยักษ์, พิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนาง, การประกวดปราสาทผึ้งแบบดั้งเดิม, การลอยกระทงสาย, ลอยกระทงเดือน 11 และการตักบาตรเทโวโรหนะ ทุกกิจกรรมจัดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ตั้งแต่ริมเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดศรีบุญเรือง ถึง วัดศรีสุมังคล์.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบั้งไฟพญานาค 6 ลูกแรกผุดขึ้นในเวลา 18.56 น.ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ท่ามกลางเสียงเฮลั่นริมโขงของนักท่องเที่ยว
บรรยากาศการชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในวันนี้ (4 ต.ค.) ได้มีประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังพื้นที่ที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.โพนพิสัย, อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อมาถึงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันจับจองที่นั่งที่ดีที่สุดในการชมบั้งไฟพญานาค โดยปูเสื่อริมฝั่งแม่น้ำโขงจับจองที่นั่งชมกันล่วงหน้า
ขณะที่ทางวัดไทย ต.จุมพล อ.โพนพิสัย ซึ่งก็ได้ประกอบพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค มีการตั้งโต๊ะเครื่องบวงสรวง ทั้งบนดินและเตรียมลอยน้ำถวายพญานาค เพื่อแสดงความสักการบูชาความศรัทธาของชาวหนองคายต่อพญานาค พร้อมทั้งขอให้พญานาคพ่นลูกไฟให้นักท่องเที่ยวได้ชม
ในส่วนของการจัดการด้านการจราจรนั้น พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.ภ.4 เป็นประธานปล่อยแถวตำรวจ สภ.โพนพิสัย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ซึ่งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบอำนวยการจราจร ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กว่า 200 นาย
พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ประชาชนที่จะมาชมบั้งไฟพญานาคในทุกปีมีปริมาณมาก ทำให้การจราจรติดขัดบนถนนสายหลัก ซึ่งในปีนี้ตำรวจภูธรภาค 4 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ที่เดินทางมาชมบั้งไฟพญานาค โดยประชาชนที่ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนมิตรภาพ ผ่าน จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงเขต อ.เมืองหนองคายแล้ว สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 212 มุ่งหน้าไป อ.โพนพิสัย-อ.บึงกาฬ ระยะทางประมาณ 120 กม.จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้นทางที่ประชาชนใช้สัญจร ซึ่งได้กำหนดให้มีการเดินรถทางเดียว จาก อ.โพนพิสัย ถึง กม.ที่ 12 หน้าโรงงานสุรา อ.เมืองหนองคาย ตั้งแต่เวลา 20.00-23.00 น.
พร้อมกันนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ และตำรวจอาสา เดินตระเวนปะปนไปกับนักท่องเที่ยว สังเกตมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสช่วงคนแออัด ล้วงกระเป๋า ขโมยทรัพย์สินมีค่า หรือหากเกิดเหตุร้ายขึ้นตำรวจจะได้ช่วยระงับเหตุได้ทันท่วงที อีกทั้งยังขอความร่วมมือกับนักท่องเที่ยวอย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเมา ขาดสติ ซึ่งจะรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นขณะรอชมบั้งไฟพญานาคและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย
เวลา 15.00 น.พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ ขึ้นบินตรวจสภาพการจราจรบนถนนสายหนองคาย – โพนพิสัย โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งพบว่าการจราจรในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคในปีนี้การจราจรโดยทั่วไป รถยนต์ทุกชนิด สามารถเคลื่อนตัวได้ดี มีติดขัดบ้างช่วงรอยต่อระหว่างทางร่วมทางแยก บริเวณคอขวด แต่ก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ไปได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้ช่วงงานบั้งไฟพญานาคตรงกับวันเสาร์ วันอาทิตย์ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ อ.โพนพิสัย อ.รัตนวาปี และจุดอื่นๆ ที่พบการเกิดบั้งไฟพญานาคตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา และทยอยเดินทางตั้งแต่เช้า จึงทำให้ช่วงบ่ายซึ่งกังวลกันว่าอาจเกิดการจราจรติดขัด เป็นไปด้วยดี รถยนต์เคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ที่ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ ริมถนนได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายสุรชัย ดิ่งสวัสดิ์ กรรมการหอการค้า จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.ตลอดช่วงการจัดงานทุกพื้นที่ คาดว่ามีเงินสะพัดอย่างน้อย 50 ล้านบาท นักท่องเที่ยวประมาณ 3 แสนคน โดยเฉลี่ยคาดว่านักท่องเที่ยวจะใช้เงินคนละ 1,000 บาท ซึ่งสังเกตพบว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเดินทางโดยรถทัวร์ หรือรถตู้ มาเป็นหมู่คณเป็นส่วนใหญ่ มากกว่ารถยนต์ส่วนตัว ประกอบกับปีนี้วันออกพรรษาตรงกับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่ก่อนล่วงหน้า ที่พัก โรงแรม รีสอร์ตต่างๆ เต็มทุกที่ ล้นไปจนถึงตามวัดต้องจัดสถานที่ให้หลับนอน นอกเหนือจากการกางเต็นท์นอนตามสถานที่ราชการ และถือว่าเป็นโชคดีที่พายุกิสนาได้อ่อนกำลังและหมดฤทธิ์ไปก่อนจะถึงวันออกพรรษาเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่วางโปรแกรมมาชมบั้งไฟพญานาคไว้แล้วมาตามกำหนดเดิม
บั้งไฟพญานาค มีลักษณะเป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู พุ่งจากแม่น้ำโขง ขึ้นสูงเป็นแนวตรง 50-150 เมตร แล้วหายไป ขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ไม่มีการตกลงมา เดิมชาวหนองคายเรียกว่า “บั้งไฟผี” ส่วนชาวเวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว เรียก “ดอกไม้ไฟน้ำ”
อ้างอิงตามความเชื่อและเรื่องราวสืบต่อกันมา ชาวหนองคาย และชาวเวียงจันทน์ ได้เชื่อมโยงพุทธประวัติครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระนางสิริมหามายา พุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 1 พรรษา จนดับขันธ์ปรินิพพาน และเสด็จสู่โลก วันออกพรรษานี้ พร้อมผายพระกรออกเป็น พระพุทธรูปปางเปิดโลก ชาวพุทธเชื่อกันว่าสวรรค์มนุษย์และบาดาลจะเปิดถึงกันในวันนี้ เหล่าพญานาคทั้งหลายต่างพ่นลูกไฟถวายชื่นชมยินดี จึงเป็นที่มาของ บั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อและศรัทธายิ่ง
สำหรับในปีนี้ จ.หนองคาย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และเทศบาลเมืองหนองคาย กำหนดจัดงานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค.2552 ซึ่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค.2552 มีการคาดการณ์กันว่า จะเป็นวันเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค และยังมีการจัดกิจกรรมมากมาย เช่น ถนนอาหาร, การแสดงแสงเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาค, การแข่งขันเรือยาวประเพณี, การประกวดกระทงยักษ์, พิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนาง, การประกวดปราสาทผึ้งแบบดั้งเดิม, การลอยกระทงสาย, ลอยกระทงเดือน 11 และการตักบาตรเทโวโรหนะ ทุกกิจกรรมจัดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ตั้งแต่ริมเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดศรีบุญเรือง ถึง วัดศรีสุมังคล์.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบั้งไฟพญานาค 6 ลูกแรกผุดขึ้นในเวลา 18.56 น.ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ท่ามกลางเสียงเฮลั่นริมโขงของนักท่องเที่ยว