ศูนย์ข่าวขอนแก่น-อีสานโพลเผยแม้ภาวะเศรษฐกิจทรงกับทรุดและการเมืองไม่นิ่ง คนอีสานยังเลือกเดินทางท่องเที่ยวคลายเครียด โดยแหล่งเที่ยวทางทะเลเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ขณะที่กระแสไข้หวัดใหญ่ฯมีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวไม่น้อย อย่างไรก็ตามแนะส่วนงานเกี่ยวข้องปรับปรุงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพจูงใจกว่าที่เป็นอยู่
ผศ.ดร.ก่อพงษ์ พลโยราช ผู้รับผิดชอบ “อีสานโพล” ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยถึงผลวิจัยเรื่องความคิดเห็นของชาวอีสานกับการท่องเที่ยวในสภาวะปัจจุบัน พบว่ากว่าร้อยละ 87 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเลือกการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดจากสภาวะความตึงเครียดทางการเมือง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการไปมากที่สุดคือชายหาดทะเล รองลงไปเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางภูเขาและแม่น้ำ
ส่วนเกณฑ์ที่ใช้เลือกแหล่งท่องเที่ยวที่จะไปพบว่า กลุ่มเป้าหมาย มีความชื่นชอบความเป็นส่วนตัวมากที่สุดถึงร้อยละ 24.9% รองลงมาคือความปลอดภัย (18.9%) ความสวยงามของสถานที่ (18.70%)
สำหรับแหล่งข้อมูลที่กลุ่มตัวอย่างใช้ตัดสินใจเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่จะไปพบว่า เลือกที่จะสอบถามจากเพื่อนๆ ญาติมิตร/คนใกล้ตัว มากที่สุด คิดเป็น 40.5 % รองลงมาคือ เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว(18.1%) และ นิตยสาร/หนังสือท่องเที่ยว (17.0%)
อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 49.2 ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีในขณะนี้มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวมากเช่นกัน ขณะที่ร้อยละ 17.5 คำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าและบางส่วนยังลังเลที่จะท่องเที่ยวเพราะวิตกกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ต่อคำถามที่ว่าจุดดึงดูดที่ทำให้สนใจท่องเที่ยวในภาคอีสานมากที่สุดคือสิ่งใด ร้อยละ 36.5 เห็นตรงกันว่าบรรยากาศความเป็นธรรมชาติเป็นแรงจูงใจสำคัญมากที่สุด รองลงมาคือศิลปวัฒนธรรม/ประเพณี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ โบราณสถาน และวัด/ศาสนา
กระนั้นก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้เสนอแนะอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทำการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวให้ดูน่าท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่ ที่สุด ขณะที่บางส่วนระบุว่าการ จัดโปรโมชั่น ลดราคาแพกเกจทัวร์ ที่พักโรงแรมมีส่วนทำให้ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเร็วขึ้น
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นของชาวอีสานกับการท่องเที่ยวในสภาวะปัจจุบันดังกล่าวใช้กลุ่มตัวอย่างประชาชนชาวอีสาน รวม 587 คนใช้การสุ่มตัวอย่างแบบใช้วิจารณญาณ (Judgmental Sampling) เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัวระหว่างเดือน สิงหาคม – กันยายน 2552
ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากที่สุด (55.4%) การศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.มากที่สุด (44.5%) อาชีพนักเรียน/นักศึกษามากที่สุด (30.3%) และมีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทมากที่สุด (61%)
ผศ.ดร.ก่อพงษ์ พลโยราช ผู้รับผิดชอบ “อีสานโพล” ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยถึงผลวิจัยเรื่องความคิดเห็นของชาวอีสานกับการท่องเที่ยวในสภาวะปัจจุบัน พบว่ากว่าร้อยละ 87 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเลือกการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดจากสภาวะความตึงเครียดทางการเมือง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการไปมากที่สุดคือชายหาดทะเล รองลงไปเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางภูเขาและแม่น้ำ
ส่วนเกณฑ์ที่ใช้เลือกแหล่งท่องเที่ยวที่จะไปพบว่า กลุ่มเป้าหมาย มีความชื่นชอบความเป็นส่วนตัวมากที่สุดถึงร้อยละ 24.9% รองลงมาคือความปลอดภัย (18.9%) ความสวยงามของสถานที่ (18.70%)
สำหรับแหล่งข้อมูลที่กลุ่มตัวอย่างใช้ตัดสินใจเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่จะไปพบว่า เลือกที่จะสอบถามจากเพื่อนๆ ญาติมิตร/คนใกล้ตัว มากที่สุด คิดเป็น 40.5 % รองลงมาคือ เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว(18.1%) และ นิตยสาร/หนังสือท่องเที่ยว (17.0%)
อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 49.2 ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีในขณะนี้มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวมากเช่นกัน ขณะที่ร้อยละ 17.5 คำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าและบางส่วนยังลังเลที่จะท่องเที่ยวเพราะวิตกกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ต่อคำถามที่ว่าจุดดึงดูดที่ทำให้สนใจท่องเที่ยวในภาคอีสานมากที่สุดคือสิ่งใด ร้อยละ 36.5 เห็นตรงกันว่าบรรยากาศความเป็นธรรมชาติเป็นแรงจูงใจสำคัญมากที่สุด รองลงมาคือศิลปวัฒนธรรม/ประเพณี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ โบราณสถาน และวัด/ศาสนา
กระนั้นก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้เสนอแนะอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทำการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวให้ดูน่าท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่ ที่สุด ขณะที่บางส่วนระบุว่าการ จัดโปรโมชั่น ลดราคาแพกเกจทัวร์ ที่พักโรงแรมมีส่วนทำให้ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเร็วขึ้น
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นของชาวอีสานกับการท่องเที่ยวในสภาวะปัจจุบันดังกล่าวใช้กลุ่มตัวอย่างประชาชนชาวอีสาน รวม 587 คนใช้การสุ่มตัวอย่างแบบใช้วิจารณญาณ (Judgmental Sampling) เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัวระหว่างเดือน สิงหาคม – กันยายน 2552
ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากที่สุด (55.4%) การศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.มากที่สุด (44.5%) อาชีพนักเรียน/นักศึกษามากที่สุด (30.3%) และมีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทมากที่สุด (61%)
