เชียงใหม่-กกต. เชียงใหม่ จัดแสดงวิสัยทัศน์ และแนะนำตัวผู้สมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรี นครเชียงใหม่ ทั้ง 10 คน โดยเดือนเต็มดวง ผัสมัครหมายเลข1ประกาศนโยบายใหม่ให้ ‘ชาวเชียงใหม่มีส่วนร่วม’ ในการพัฒนาย่านตนเอง
วันนี้(23 ก.ย.)คณะกรรมการการเลือกตั้งจ.เชียงใหม่ ได้จัดแสดงวิสัยทัศน์ และแนะนำตัวผู้สมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรี นครเชียงใหม่ ทั้ง 10 คน ณ สโมสรกาวิละ ค่ายกาวิละ กำลังพลมณฑล ทหารบก 13
ทั้งนี้ ร.อ. หญิง ดร. เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ หรือ ดร. แป้ง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ หมายเลข 1 ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ในการใช้จ่ายเงินงบประมาณเทศบาลโดยประชาชนมีส่วนร่วมคิด โดยนโยบายดังกล่าวจะเป็นการจัดสรรงบให้คนเชียงใหม่ในแต่ละย่านของเมืองสามารถเลือกนำไปใช้พัฒนาย่านของตนเองได้
“ประชาชนจะรู้ดีที่สุดว่า ภายในท้องถิ่นของตนนั้นมีความต้องการอะไรเป็นอันดับแรก ดิฉันจะมอบอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียง มีส่วนร่วมมากขึ้นในการกำหนดทิศทางการใช้งบประมาณท้องถิ่น ด้วยการจัดแบ่งเขตย่อยๆ ในเทศบาลออกเป็น 12 เขต และจัดสรรงบประมาณให้แต่ละเขต ซึ่งแต่ละเขตสามารถจะเลือกโครงการที่ตนเองต้องการที่จะให้นายกเทศมนตรีอนุมัติงบเพื่อดำเนินการ เช่น อาจจะเลือกที่จะทำพื้นที่สีเขียวเพิ่ม หรือทำถนนใหม่ หรือซ่อมทางเท้า หรือปรับปรุงระบบระบายน้ำ หรือเพิ่มไฟส่องสว่าง หรือพัฒนาทัศนียภาพให้สวยงาม ซึ่งจะแล้วแต่ความต้องการของย่านนั้นๆ” ดร. เดือนเต็มดวง กล่าวและว่า
การบริหารแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมนี้จะถือเป็นแม่แบบที่เมืองอื่นๆ ในประเทศไทยสามารถจะนำไปใช้ได้อีกด้วย การบริหารงานแบบนี้จะช่วยให้เกิดความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณมากขึ้น เป็นหลักประกันว่า งบประมาณของเทศบาลจะถูกใช้ไปในสิ่งที่ประชาชนต้องการให้แก้ไข ปรับปรุง พัฒนา แทนที่จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่มีความจำเป็น ซึ่งประชาชนอาจจะไม่ได้ต้องการ แต่ทำไปเพื่อตอบสนองผลประโยชน์แอบแฝงของนักการเมืองบางกลุ่มในท้องถิ่น
ดร. เดือนเต็มดวง กล่าวว่า ระบบนี้จะเป็นหลักประกันว่าโครงการต่างๆ จะได้รับการผลักดันให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะประชาชนจะเข้ามากำกับดูแลสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในท้องถิ่นของตนโดยตรง
สำหรับ ดร.เดือนเต็มดวงนั้น จบการศึกษาปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อขอสานงานต่อ และเพื่อที่จะยกระดับมาตรฐานการเมืองท้องถิ่นให้พ้นการครอบงำของกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นดั้งเดิม