สุรินทร์ - จ.สุรินทร์-อบจ.และ องค์การสวนสัตว์ฯ จับมือแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนทั้งระบบ เร่งเดินหน้าโครงการนำช้างคืนถิ่น ประเดิมนำช้างกลับบ้านเกิดอีก 169 เชือก รวมยอดช้างในศูนย์คชศึกษาพุ่ง 234 เชือก ดันสร้าง “อาณาจักรช้างสุรินทร์” สมบูรณ์แบบ 400 ล้านให้เป็นรูปธรรม ส่งเสริมท่องเที่ยวดึงดูดเม็ดเงินสร้างรายได้ “ช้าง-คน” อยู่ได้ยั่งยืน เบื้องต้นใช้งบ 20 ล้าน เผย รมว.ทรัพยากรฯเตรียมเป็นประธานลงนาม MOU เร็วๆ นี้
นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางจังหวัดสุรินทร์โดยตน และ นายโสภณ คำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายธงชัย มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาช้าง จ.สุรินทร์ ได้ประชุมหารือในการแก้ไขปัญหาการนำช้างออกไปเร่ร่อน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หลังจากที่ผ่านมาช้างเร่ร่อนจาก จ.สุรินทร์ ได้สร้างปัญหาให้กับคนเมืองในหลายด้าน และบางส่วนถูกกล่าวหาว่าเป็นการทรมานช้าง เช่น นำช้างไปประสบชะตากรรมได้รับบาดเจ็บและล้มตาย รวมทั้งถูกจับ ปรับ ยึดช้างไว้ตรวจสอบเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ปัญหาช้างเร่ร่อนต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และในอีกไม่นานก็จะมี พ.ร.บ.คุ้มครองและอนุรักษ์ช้างสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ พ.ศ...ออกมาใช้บังคับ ซึ่งจะมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับช้าง ควาญช้าง เจ้าของช้างต้องยึดถือปฏิบัติตามให้เป็นไปตามกฎหมาย
“จังหวัดสุรินทร์ จำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาการนำช้างออกไปเร่ร่อนโดยดำเนินโครงการนำช้างคืนถิ่น ร่วมมือกันระหว่างจังหวัดสุรินทร์ และ อบจ.สุรินทร์ กับ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ผลการประชุมครั้งนี้มีมติเห็นชอบในหลักการเริ่มต้นว่า ขณะนี้ จ.สุรินทร์ มีช้างเร่ร่อนจำนวน 169 เชือก ที่พร้อมจะเดินทางกลับคืนถิ่น มาอยู่ที่ ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้างสุรินทร์ บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ รวมกับช้างที่มีอยู่ในศูนย์คชศึกษาเดิมอีก 65 เชือก รวมเป็น 234 เชือก โดยทางองค์การสวนสัตว์ รับปากจะจัดหางบประมาณมาช่วยเหลือช้างคืนถิ่นดังกล่าวจำนวน 100 เชือก ส่วนอีก 69 เชือก ให้จังหวัด กับ อบจ.สุรินทร์ ร่วมมือกันช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่า จะใช้งบประมาณราว 20 ล้านบาทโดยเน้นในเรื่องอาหารช้าง อาหารเสริมที่เอื้อต่อสุขภาพช้าง และ ควาญช้าง เจ้าของช้าง ต้องอยู่ได้มีรายได้จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งต้องร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีการจัดกรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวชม และ มีสปอนเซอร์สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จะประสานงานความร่วมมือ กับ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ให้ปรับเปลี่ยนนโยบายมาปลูกป่า ปลูกต้นไม้ที่เป็นอาหารช้างได้ แทนการปลูกต้นยูคาลิปตัส ยางพารา รวมทั้งปศุสัตว์อื่นๆ
“ในงบประมาณปี 2554 องค์การสวนสัตว์ฯ จะผลักดันงบประมาณเพื่อดำเนินการสร้างอาณาจักรช้างสุรินทร์ที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งคาดว่าต้องจะใช้งบประมาณทั้งหมดกว่า 400 ล้านบาท เพื่อให้ช้าง ควาญช้าง หรือคนเลี้ยงช้างอยู่ได้ไม่ต้องออกไปเร่ร่อนอีกต่อไป” นายวิเชียร กล่าว
ทั้งนี้ ความร่วมมือในการแก้ปัญหาช้างเร่ร่อน จ.สุรินทร์ ทั้งระบบอย่างยั่งยืน ระหว่างจังหวัดสุรินทร์ และ อบจ.สุรินทร์ กับ องค์การสวนสัตว์ รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว จะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ซึ่งผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ จะได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ต่อไป
