ชี้ “ต้นกล้าอาชีพ” เป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ใช้แรงงาน

อุบลราชธานี - รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานชี้ ภาคธุรกิจส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว เพราะต้องการแรงงานเข้าสู่ระบบแรงงานมากขึ้น ส่วนลูกจ้างก็มีทางเลือกหลังเข้ารับการอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ จะเป็นผู้ประกอบการหรือขายแรงงานเช่นเดิม

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 จ.อุบลราชธานี นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า โครงการต้นกล้าอาชีพที่รัฐบาลให้การสนับสนุนให้ผู้ใช้แรงงานที่ถูกเลิกจ้างมีงานทำ และสนับสนุนให้ประชาชนที่ไม่มีอาชีพเข้าฝึกฝนอาชีพ เพื่อนำไปสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งจากการติดตามการทำโครงการทั่วทั้งประเทศพบว่า มีผู้ผ่านการอบรมฝึกฝนอาชีพสามารถนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้

รวมทั้งบางส่วนได้เข้าสู่กระบวนการใช้แรงงานเป็นแรงงานที่มีฝีมือ เพราะแม้แรงงานบางแขนงวิชาจำเป็นต้องฝึกฝนความชำนาญเพิ่มเติมจากการอบรมในโครงการต้นกล้าอาชีพ สถาบันก็สามารถให้ความรู้เพิ่มเติมได้ทันที

รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวทางภาคธุรกิจ เพราะเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจากโครงการ ก็สามารถเข้าไปทดแทนแรงงานในส่วนที่ทางโรงงานต้องการในบางสาขาได้ทัน สำหรับปัจจุบันผู้ประกอบการในประเทศ ยังมีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง

โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีภาระหน้าที่ต้องช่วยผลิตบุคลากรตามที่ภาคธุรกิจต้องการให้ตรงสาขามากยิ่งขึ้น


นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล ยังช่วยให้แรงงานที่ออกมาจากระบบในช่วงเกิดวิกฤติเลิกจ้างแรงงาน และแรงงานใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ระบบมีทางเลือก คือสามารถเลือกที่จะประกอบอาชีพเป็นของตนเอง หรือต้องการเข้าสู่การขายแรงงานก็ได้เช่นกัน

สำหรับผู้เข้ารับการอบรมตามโครงการต้นกล้าอาชีพของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 7 มี 15 สาขาช่าง จำนวน 249 คน ระยะเวลาอบรม 19 วัน และได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงระหว่างอบรมคนละ 190 บาทต่อวัน หลังจบออกไปประกอบอาชีพได้รับเงินสนับสนุนอีก 3 เดือนๆละ 4,800 บาท