ปธ.สภาวัฒนธรรมจี้ผู้ว่าฯกาญจน์ตัดสินใจด่วนสร้าง-ไม่สร้าง “มูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม”

กาญจนบุรี - ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี แกนนำคัดค้านการก่อสร้างอาคารปฎิบัติธรรมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม จี้ผู้ว่าฯกาญจนบุรีรีบตัดสินใจด่วนสร้าง-ไม่สร้าง “มูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม” ก่อนจะเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย

เมื่อเวลา 18.00 น.วันนี้ (2 ก.ย.) พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ จันทร์เพียร ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ในฐานะเป็นแกนนำคัดค้านการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ และยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดทำการก่อสร้างแต่อย่างใด ซึ่งเท่าที่ดูจากสายตา การก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนเจ้าแม่กวนอิมนั้นได้ติดตั้งไว้บนฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เหลือเพียงขั้นตอนการตกแต่งเท่านั้น โดยเจ้าแม่กวนอิมหันหน้าไปทางสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งหากทางคณะกรรมการทั้ง 18 ท่าน ที่ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อหาข้อสรุปยังทำงานล่าช้า หรือมีการประณีประนอมกัน หรือฮั้วกันอย่างนี้ และมีการเลื่อนวันประชุมสรุปอย่างนี้ ตนรับรองได้เลยว่า มูลนิธิกวงอิม น่าจะก่อสร้างเสร็จก่อนอย่างแน่นอน

พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะแกนนำคัดค้านการก่องสร้างมูลนิธิดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของจังหวัด อย่างน้อยท่านจะต้องรีบสั่งการให้มูลนิธิดังกล่าวให้หยุดการก่อสร้าง หรือระงับการก่อสร้างเอาไว้ก่อนวันนี้มีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนการอนุมัติโครงการนี้อยู่ โดยเฉพาะภาคประชาชาชนในเขตกาญจนบุรี ซึ่งกรณีนี้ตนเห็นว่าไม่ควรเป็นเรื่องของชาวกาญจนบุรีเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแต่มันควรเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนด้วย ในการปกป้องภาพประวัติศาสตร์ของชาวไทย

ตนและประชาชนชาว จ.กาญจนบุรี และองค์กรภาคเอกชนต่างๆ เกิดความกังขากับการก่อสร้างที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอาคาร 3 ชั้น และองค์เจ้าแม่กวนอิมสูง 18 เมตรก่อสร้างแล้วเสร็จ จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์โดยรวมของสะพานข้ามแม่น้ำแควหรือไม่ เพราะเกรงว่าสิ่งก่อสร้างที่บดบัง นอกจากจะเป็นมลภาวะทางสายตา บดบังทัศนียภาพและการทำลายธรรมชาติแล้ว อาจจะส่งผลกระทบ ต่อการผลักดันให้องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนสะพานแห่งนี้เป็นมรดกโลกในอนาคต

พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ไม่มีธุรกิจใดจะทำเงินได้มากและรวดเร็วเท่ากับทำธุรกิจเรื่องความเชื่อและศรัทธาของมนุษย์เรามักอ้างอยู่เสมอว่าเราคือพุทธสาวก แต่เรากลับไม่สนใจต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าปรินิพานการดับกิเลสทั้งปวงไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้วการกราบพระพุทธ ก็เพื่อระลึกถึงคำสอนของพระองค์ เพื่อเป็นสิริมงคลของตนเอง เพื่อให้กำลังใจกับตนเองเพื่อจะเดินตามคำสอนของพระองค์ท่าน มันอยู่ที่ตัวเราเอง พระพุทธเจ้าไม่สามารถจะมาบันดาลให้คุณให้โทษกับใครได้อีก ทุกคนสามารถรับได้ด้วยปัญญาของตนเอง

รายงานว่า การก่อสร้างศาสนสถานของมูลนิธิแห่งนี้ ประกอบไปด้วย อาคารศาสนสถานแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ความสูง 3 ชั้น และองค์เจ้าแม่กวนอิม สูง 18 เมตร สลักด้วยหินหยกขาวจากประเทศจีน รวม 88 ชิ้น น้ำหนักรวม 220 ตัน ยืนบนฐาน 8 เหลี่ยม มูลนิธิแห่งนี้เริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะเร่งรัดการก่อสร้างในขณะนี้ เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 2553 และในพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นจะมีการก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดับ จำนวน 40 ห้อง ซึ่งจะก่อสร้างขึ้นบริเวณด้านข้างฝั่งสะพานข้ามแม่น้ำแคว สำหรับโรงแรมดังกล่าวนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้มาปฏิบัติธรรมได้พักผ่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ชาวจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นต้น