พะเยา – นอภ.จุน จังหวัดพะเยา ยันสำรวจไม่พบว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อที่ดิน “ทุ่งลอ” อู่ข้าวอู่น้ำลุ่มน้ำอิงทำการเกษตร แต่ยอมรับยากตรวจสอบหากซื้อผ่านตัวแทนชาวไทย
นายสุทธิลักษณ์ รักษ์เจริญ นายอำเภอจุน จังหวัดพะเยา กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ทุ่งลอ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มของแม่น้ำอิง พื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ครอบคลุมเขตติดต่อจังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของจังหวัดพะเยา เพราะมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี สามารถทำนาได้ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ จากการสำรวจยและข้อมูลที่ได้รับรายงานทราบว่าเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วมีกลุ่มทุนในประเทศเข้ามาซื้อที่ดินหลายร้อยไร่ปลูกมันฝรั่งและเป็นแหล่งดูแลกล้ายางพารา แต่หลังปี 2549 เป็นต้นมาที่ราคาข้าวสูงขึ้น ก็ไม่มีการซื้อขายที่ดินอีก เพราะส่วนใหญ่เก็บไว้เป็นที่ดินทำนา
โดย นายอำเภอจุน ยืนยันว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินทำการเกษตรกรรมนั้น จากการสำรวจตั้งแต่ปี 2549 ไม่มีกลุ่มทุน โดยเฉพาะกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากเป็นในกรณีที่ใช้วิธีการซื้อผ่านตัวแทนที่เป็นคนไทยแล้วคงยากที่จะทำการตรวจสอบสืบค้นไปถึงต้นตอได้ ซึ่งคงต้องสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในการช่วยกันรักษาที่ดินที่เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองเอาไว้ โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่โลกมีวิกฤตด้านอาหาร
นายสุทธิลักษณ์ รักษ์เจริญ นายอำเภอจุน จังหวัดพะเยา กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ทุ่งลอ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มของแม่น้ำอิง พื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ครอบคลุมเขตติดต่อจังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของจังหวัดพะเยา เพราะมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี สามารถทำนาได้ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ จากการสำรวจยและข้อมูลที่ได้รับรายงานทราบว่าเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วมีกลุ่มทุนในประเทศเข้ามาซื้อที่ดินหลายร้อยไร่ปลูกมันฝรั่งและเป็นแหล่งดูแลกล้ายางพารา แต่หลังปี 2549 เป็นต้นมาที่ราคาข้าวสูงขึ้น ก็ไม่มีการซื้อขายที่ดินอีก เพราะส่วนใหญ่เก็บไว้เป็นที่ดินทำนา
โดย นายอำเภอจุน ยืนยันว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินทำการเกษตรกรรมนั้น จากการสำรวจตั้งแต่ปี 2549 ไม่มีกลุ่มทุน โดยเฉพาะกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากเป็นในกรณีที่ใช้วิธีการซื้อผ่านตัวแทนที่เป็นคนไทยแล้วคงยากที่จะทำการตรวจสอบสืบค้นไปถึงต้นตอได้ ซึ่งคงต้องสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในการช่วยกันรักษาที่ดินที่เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองเอาไว้ โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่โลกมีวิกฤตด้านอาหาร