ศูนย์ข่าวขอนแก่น - หนุ่มพนักงานบริษัทเอกชนชื่อดังเมืองขอนแก่น ฆ่ารัดคอหญิงบริการ ฉุนถูกโก่งราคาค่าตัวขณะกำลังจะขึ้นสวรรค์ สารภาพทำไปเพราะอารมณ์ค้าง ด้านตำรวจตั้งข้อหาหนัก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ก่อนเที่ยงวันนี้ (14 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ศูนย์สืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นำโดย พ.ต.อ.จตุพล ปานรักษา รอง ผบก. พร้อมเจ้าพนักงานศูนย์สืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และ พ.ต.ท.ดิเรก ยศนันท์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายรังสรรค์ ศรีคง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 501/1 หมู่ท่ 3 ต.นองหว้า อ.บัวลาย จังหวัดนครราชสีมา ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 เกิดหตุพบศพนางสาวประทุพร ทุ่งชัยงฆ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขี่ 335 หมู่ 23 ต.หัวขวง อ.โกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ถูกฆ่ารัดคอด้วยผ้าเสียชีวิตอยู่ใต้สะพานข้ามห้วยพระคือ บ้านแอวมอง ถนนสายขอนแก่น เชียงยืน หมู่ 9 ต. พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ศูนย์สืบสวนตำรวจภธรภาค 4 จึงทำการสืบสวนติดตามคดี โดยสืบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นหญิงขายบริการเตร็ดเตร่อยู่บริเวณหลัง บขส.ขอนแก่น ในคืนวันเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์มารับผู้ตายไป คือ นายรังสรรค์ ศรีคง ผู้ต้องหา
ด้าน นายรังสรรค์ยอมรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 หลังกลับจากการดื่มสุราได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง ผ่านมาทาง บขส.ขอนแก่น พบเห็น น.ส.ประทุมพร (ผู้ตาย) ยืนอยู่ริมถนนหน้าศูนย์ราชการ หลัง บขส.ขอนแก่น ตนจึงได้เข้าไปสอบถามซื้อบริการ ตอบตกลงกันที่ราคา 700 บาท จากนั้นจึงพาผู้ตายไปยังบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งขณะที่มีเพศสัมพันธ์ นางสาวประทุมพร ได้เรียกร้องขอค่าตัวเพิ่มเป็น 2,000 บาท ตนไม่มีให้ ผู้ตายได้ลุกขึ้นด่าทอ และร้องตะโกนเสียงดังคล้ายกับคนเสียสติ และหยิบมีดคัตเตอร์จะทำร้ายตน จึงต้องแย่งมีดไว้และพูดเกลี้ยกล่อมให้ น.ส.ประทุมพร สงบสติอารมณ์ ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่สำเร็จความใคร่
นายรังสรรค์เล่าต่อว่า จากนั้นจึงพาผู้ตายออกจากบ้าน โดยผู้ตายเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มุ่งหน้าไปยังสะพานที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ตายจอดรถและตะโกนด่าว่าตนอีกครั้ง และหยิบท่อนไม้ในที่เกิดเหตุมาทุบตีทำร้ายตน ตนโมโหจึงจับผู้ตายล็อกคอกดลงกับราวสะพานที่เกิดเหตุดังกล่าว แล้วขับขี่รถจัรยานยนต์หลบหนีไป ตนได้นำทรัพย์สินของผู้ตายติดมือไปด้วย ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และสร้อยคอพร้อมพระขุนแผน 1 องค์ หลบหนีไปยังบ้านเกิดที่จังหวัดนครราชสีมา และกลับมาที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด