เชียงราย – ฝนถล่มหนัก น้ำป่าทะลักเต็มอ่างดินบ้านเทอดไทย จนพนังกั้นน้ำรับน้ำหนักไม่ไหวพังทลายลง ส่งผลน้ำทะลักลงแม่น้ำคำจนล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร-พื้นที่การเกษตรเสียหายยับ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักทั่วทุกพื้นที่ของ จ.เชียงราย ได้ทำให้น้ำป่าทะลักลงสู่อ่างเก็บน้ำที่หมู่บ้านเทอดไทย ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ตอนเหนือของแม่น้ำคำซึ่งไหลทอดผ่านหลายอำเภอ และทำให้สันอ่างเก็บน้ำ ซึ่งสูงประมาณ 6 เมตร พังทลายลงเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2552 ที่ผ่านมา จนเหลือพนังกั้นน้ำสูงเพียง 2 เมตร จากเดิมที่มีความสูงถึง 4 เมตร
ส่งผลทำให้น้ำภายในอ่างซึ่งบรรจุอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ไหลทะลักลงสู่แม่น้ำคำเป็นผลทำให้หมู่บ้านชุมชนที่อยู่ริมฝั่งตลอดแนวได้รับผลกระทบ โดยในพื้นที่เทศบาล ต.แม่คำ อ.แม่จัน พบว่าแม่น้ำคำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางเกษตรเป็นบริเวณกว้างแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนราษฎรมากนัก เนื่องจากกระแสน้ำไหลเร็วและแรงจนผ่านพ้นพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นายอภิวัน อภิวันเทอดไทย กำนัน ต.เทอดไทย ได้ทำหนังสือแจ้งทางอำเภอเพื่อให้เตือนพื้นที่ลุ่มน้ำแล้ว
น้ำในแม่น้ำคำ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่หมู่บ้านที่อยู่ติดแม่นำคำเขตเทศบาล ต.จันจว้า โดยน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่บ้านใหม่ หมู่ 1 บ้านทรายมูล หมู่ 2 บ้านแม่คำน้ำลัด หมู่ 3 บ้านหนองร่อง หมู่ 8 บ้านร่องหนองบัว หมู่ 10 บ้าน และบ้านหัวฝาย หมู่ 11 ต.จันจว้า และบ้านป่าสักหลวง หมู่ 1 และหมู่ 2 บ้านป่าบง หมู่ 3 บ้านหนองครก บ้านกิ่วพร้าว หมู่ 4 หมู่ 6 บ้านม่วงหมูสี หมู่ 7 บ้นป่ากุ๊ก หมู่ ค บ้านแม่คำฝั่งหมิ่น หมู่ 9 บ้านสันหลวงเหนือ หมู่ 10 และบ้านสันทางหลวง หมู่ 12 ต.จันจว้าใต้
นอกจากนี้ ยังพบว่า แม่น้ำจันซึ่งไหลมาจาก อ.แม่จัน ยังท่วมพื้นที่บางส่วนของหมู่บ้านกิ่วพร้าว หมู่ 4 ต.จันจว้าใต้ อีกด้วย โดยน้ำจากแม่น้ำคำได้ส่งผลกระทบหนักที่หมู่บ้านม่วงหมูสี หมู่ 7 ต.จันจว้าใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มที่สุดทำให้บ้านเรือนราษฎร ภายในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขังกว่า 300 หลังคาเรือน
หลังเกิดเหตุ นายทนงศักดิ์ ทองแสน นายกเทศมนตรี ต.จันจว้า และว่าที่ร้อยตรี ธีรภพ ธนะศรี ปลัดเทศบาล รวมทั้ง นายอรัญ จินดาธรรม รองนายกเทศมนตรี และ นายสุรพงษ์ สุทธิแสน ประธานสภาเทศบาล ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในการขนย้ายข้าวของไปไว้บนพื้นที่สูง
อย่างไรก็ตาม พบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ขนข้าวของหนีน้ำไม่ทันเนื่องจากกระแสน้ำไหลไปถึงเร็วมาก รวมทั้งเชี่ยวกราด และมีความลึกกว่าทุกครั้ง ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายอย่างหนัก
จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นพบว่า ทั้ง 2 ตำบล มีบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกะรทบกว่า 2,000 หลังคาเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าวถูกน้ำท่วมขังประมาณ 3,000 ไร่
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เดิมในหมู่บ้านม่วงหมูสี มีโครงการก่อสร้างพนังดินกั้นแม่น้ำคำเป็นระยะทางยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้งบประมาณดำเนินการไปกว่า 3 ล้านบาท แต่เนื่องจากครั้งนี้น้ำได้ไหลหลากลงเร็วและแรงในรอบ 10 ปี ทำให้พนังก็ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้จึงทำให้พังทลายและน้ำทะลักเข้าสู่บ้านเรือนราษฎรอย่างมากดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าหลังเกิดเหตุคณะทั้งหมดได้นำข้าวสาร อาหารแห้งและน้ำดื่มไปช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว ขณะเดียวกัน ทาง นายภานุรุจ ภาบุญญรัตพันธ์ ผู้ประสานงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้เข้าสำรวจความเสียหายในพื้นที่เพื่อประสานกับเทศบาล ต.จันจว้า ในการนำเครื่องช่วยเหลือพระราชทานจากมูลนิธิไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ที่ยังขาดแคลนอีกจำนวน 650 ชุดต่อไป
