ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ช่วงช่วง” ฉลองวันเกิดอายุ 9 ปีเต็มอย่างชื่นมื่น โดยเจ้าหน้าที่โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้ได้พบหน้าลูกแพนด้าเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งจัดเค้กผลไม้ให้เป็นของขวัญวันเกิด ด้าน “พายัพโพลล์” เผยผลสำรวจชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวในการตั้งชื่อแพนด้าน้อย ฟันธง “หลินปิง” เข้าวิน
วันนี้ (6 ส.ค.) สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย จัดกิจกรรมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ “ช่วงช่วง” แพนด้าตัวผู้ ที่มีอายุครบ 9 ปีในวันนี้ ซึ่งกิจกรรมแรกที่มีการจัดในช่วงเช้า เป็นการแยกลูกแพนด้าออกจาก “หลินฮุ่ย” แม่แพนด้า ไปให้พบกับ “ช่วงช่วง” พ่อแพนด้าเป็นครั้งแรก โดยเป็นการพบหน้ากันภายในคอกกักที่มีเพียงลูกกรงกั้น
ทั้งนี้ การพบหน้ากันในช่วงแรกปรากฏว่า “ช่วงช่วง” มีการแสดงท่าทีแปลกใจและกล้าๆ กลัวๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการป้ายบริเวณตัวของลูกแพนด้าแล้วให้ “ช่วงช่วง” ดม เพื่อทำความคุ้นเคย จึงมีท่าทีผ่อนคล้ายและให้ความสนใจลูกแพนด้ามากขึ้น รวมทั้งพยายามดมกลิ่นที่ตัวลูกหมีแพนด้า
ขณะที่ตัวลูกแพนด้าเองก็มีการตอบสนอง ด้วยการส่งเสียงร้องคำรามใส่จน “ช่วงช่วง” ตกใจ และถอยห่าง แต่ก็กลับมาให้ความสนใจ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ทั้งคู่ได้พบหน้าและใกล้ชิดกันนานประมาณ 10 นาที จึงนำตัวลูกแพนด้ากลับไปให้ “หลินฮุ่ย” ตามเดิม
ขณะที่ต่อมาทางโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมอวยพรวันเกิดให้ “ช่วงช่วง” ด้วยการจุดและเป่าเทียนเค้กวันเกิดขนาดใหญ่ 3 มิติที่มีการตกแต่งเป็นรูป “ช่วงช่วง” และลูกแพนด้า อยู่เคียงข้างกัน โดยได้รับการสนับสนุนเค้กจาก S&P เบเกอร์รี่ชื่อดัง โดยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิด
จากนั้นได้มีการปล่อย “ช่วงช่วง” ออกสู่ส่วนจัดแสดง แล้วมอบเค้กผลไม้ 3 ชั้น ที่ตกแต่งด้วยใบไผ่ ต้นไผ่ แอปเปิ้ล แครอท และองุ่น เป็นของขวัญวันเกิด ซึ่ง “ช่วงช่วง” ก็กินด้วยความเอร็ดอร่อย ส่วน “หลินฮุ่ย” ก็ได้ร่วมฉลองวันเกิด “ช่วงช่วง” เช่นกัน โดยได้รับเค้กผลไม้อีกหนึ่งก้อนเพื่อกินไปพร้อมกับ “ช่วงช่วง”
นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวชมลูกแพนด้าเป็นกรณีพิเศษด้วย จำนวน 2 รอบ คือรอบเช้า 10.00 น.และรอบบ่าย 14.00 น. ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า การให้ “ช่วงช่วง” ได้พบกับลูกแพนด้าเป็นครั้งแรกในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี แม้ช่วงแรก “ช่วงช่วง” จะท่าทีหวาดระแวงบ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติตามสัญชาตญาณของสัตว์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการหาโอกาสให้ “ช่วงช่วง” ได้พบหน้ากับลูกหมีแพนด้าอีกตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้แก่ทั้งคู่
ทั้งนี้จากการได้พบกันในครั้งนี้พบว่าเมื่อเข้าใกล้ “ช่วงช่วง” มากเท่าใด ลูกแพนด้าก็จะมีอาการเกร็งและส่งเสียงร้องคำรามออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ลูกแพนด้าสามารถมองเห็น ได้ยินและได้กลิ่นแล้ว จึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง
หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย บอกด้วยว่า หลังจากที่นำตัวลูกหมีแพนด้ากลับไปคืนให้ “หลินฮุ่ย” แล้ว ทาง “ช่วงช่วง” ยังคงให้ความสนใจและมองตามลูกหมีแพนด้าอย่างไม่ยอมละสายตา ทั้งนี้การจะแยกลูกแพนด้าออกมาให้พบกับ “ช่วงช่วง” อีกในครั้งต่อไป คงจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและดูปฏิกิริยาของ “หลินฮุ่ย” ด้วยว่าเป็นไปในทางลบหรือไม่ หากว่าปฏิกิริยาเป็นไปในทางบวกก็สามารถให้พบกันได้อีก
สำหรับสุขภาพของ “ช่วงช่วง” นั้น ขณะนี้มีน้ำหนัก 148.5 กิโลกรัม แข็งแรงสมบูรณ์ดี สามารถกินอาหารและขับถ่ายเป็นปกติ ส่วนลูกแพนด้าวันนี้ (6 ส.ค.) ชั่งน้ำหนักได้ 4,470 กรัม เพิ่มขึ้นจากวานนี้(5 ส.ค.) 110 กรัม
ด้านศูนย์วิจัยพายัพโพลล์ มหาวิทยาลัยพายัพ เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวในการตั้งชื่อลูกแพนด้า ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.52 ขนาดตัวอย่าง 1,513 ตัวอย่าง เป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่ร้อยละ 60.5 และเป็นนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่างๆ 50 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 39.5 พบว่าส่วนใหญ่ทราบข่าวการเกิดของลูกหมีแพนด้าร้อยละ 86.9 ไม่ทราบร้อยละ 13.1 และร้อยละ 92.9 ทราบข่าวการตั้งชื่อลูกแพนด้า ส่วนร้อยละ 7.1 ไม่ทราบ
สำหรับชื่อที่ชื่นชอบและอยากให้ตั้งเป็นชื่อลูกแพนด้า อันดับหนึ่ง คือ “หลินปิง” ร้อยละ 59 ตามด้วย “ขวัญไทย” ร้อยละ 22.6 “ไทจีน” ร้อยละ 9.7 และ “หญิงหญิง” ร้อยละ 8.7 ขณะที่การส่งไปรษณียบัตรทายชื่อลูกแพนด้านั้น พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 23.8 ที่ส่งไปรษณียบัตรทายชื่อลูกแพนด้า ร้อยละ 52.3 ส่งทาย 1 ชื่อ ร้อยละ 23.6 ส่งทาย 4 ชื่อ ร้อยละ 20.4 ส่งทาย 2 ชื่อ และร้อยละ 3.7 ส่งทาย 3 ชื่อ ทั้งนี้ชื่อที่กลุ่มตัวอย่างตัดสินใจเลือกส่งทายทางไปรษณียบัตรเป็นอันดับ 1 คือ “หลินปิง” ร้อยละ 83.6 ตามด้วย “ขวัญไทย” ร้อยละ 41.5 “ไทจีน” ร้อยละ 33.4 และ “หญิงหญิง” ร้อยละ 29.9