สระแก้ว - ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ถกเข้ม พืชเกษตรกรรมเพื่อนบ้านทะลักเข้าไทย โดยสวมสิทธิ์เป็นจำนวนมาก
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ห้องประชุมด่านพรหมแดนสำนักงานศุลกากรอรัญประเทศ บริเวณช่องทางผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและเอกชน จาก 4 อำเภอ จำนวน 300 คน เพื่อหารือ ถึงแนวทางการอุดช่องว่างรอยรั่วจากขบวนการลักลอบนำสินค้าทางการเกษตรพืชไร่เข้ามาจากฝั่งกัมพูชาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, หัวมันสำปะหลัง ที่ทะลักเข้ามานับหลายแสนตัน
นอกจากนี้ยังจะมีพืชไร่อีกหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว พริกไทยดำ ข้าวฟาง และอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรคนไทย ที่ถูกขบวนการพ่อค้ากดราคาและไม่รับซื้อตามนโยบาย ทั้งยังอ้างว่า โครงการรับจำนำเต็มโควตา และ ไม่มีงบรับซื้อ ทั้งยังถูกกันจากกลุ่มนายทุนขบวนการค้าพืชไร่การเกษตร ที่สามารถสั่งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมและดำเนินคดีกับชาวบ้านคนไทยตามแนวชายแดน
นายศานิตย์กล่าวอีกว่า หลังจากประชุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนและกลุ่มนายทุนขบวนการค้าลักลอบและราษฎรคนไทยชายแดนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากกลุ่มนายทุนนักธุรกิจการค้า และการลักลอบฉวยโอกาสทำให้พืชไร่การเกษตรของเกษตรกรราคาตกต่ำลง เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หัวมันสำปะหลัง ที่มีข่าวการลักลอบเข้ามาในเขตไทยเป็นจำนวนมาก
ที่ประชุมพูดคุยถึงมาตรการกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งจังหวัดสระแก้วมีมาตรการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามมาตลอดตามแนวชายแดนมาโดยตลอด โดยสามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด บางอย่างอาจจะไม่เป็นที่พอใจของใครบางกลุ่ม เช่น หัวมันสำปะหลัง มีการลักลอบเข้ามา ซึ่งจากการตรวจสอบระเบียบกฎหมายแล้ว พบว่าหัวมันสำปะหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลักลอบเข้ามา เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ดังนั้นจึงสามารถที่จะนำเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย
นายศานิตย์กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีมันสำปะหลัง จากฝั่งกัมพูชาทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงนี้ มีโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ที่จังหวัดสระแก้ว โดยจังหวัดได้ขอร้องกับกลุ่มผู้ประกอบการค้า ธุรกิจ ที่นำพืชไร่ทางการเกษตรจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้ามา โดยขอให้ชะลอการนำเข้ามันสำปะหลัง จากเพื่อนบ้านของไว้ก่อน
หลังสิ้นโครงการรับจำนำแล้วก็เป็นการค้าตามปกติ ที่สามารถผ่านขบวนการค้ากับด่านศุลกากรอรัญประเทศ ตามขั้นตอนปกติ และขออนุญาตเคลื่อนย้ายสินค้าในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คือ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด ก็เป็นการดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย แต่ก็มีประชาชนเกิดความห่วงใยในเรื่องนี้ด้วย
นายศานิตย์กล่าวว่า ในที่ประชุมตกลงว่าราษฏรคนไทยประกอบอาชีพในฐานะวิถีชีวิตของคนชายแดน ซึ่งไม่มีความชำนาญกับการค้าเชิงระบบ ก็ขอให้เปลี่ยนความคิดว่าในอนาคต การค้าขายจะเป็นการค้าที่ไร้พรหมแดน เนื่องจากกฏของการค้าเสรี ซึ่งเขาจะสามารถนำพืชไร่การเกษตรทุกชนิด เข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษี
ดังนั้น ประชาชนจะต้องปรับตัวเองเข้าสู่การเป็นพ่อค้ากันบ้าง โดยมีการร่วมตัวเป็นกลุ่มจัดตั้งชมรมองค์กร และในรูปแบบสหกรณ์ จากเมื่อก่อนเป็นแบบวิถีชีวิตของคนชายแดน เข้าร่วมกลุ่มกันได้ ก็สามารถดำเนินการทางการค้าได้ และทำให้การค้าระหว่างนายทุนใหญ่ กับกลุ่มชาวบ้านมีความเห็นใจซึ่งกันและกันได้ ซึ่งถือเป็นนิมิตอันดีที่การค้าชายแดนของจังหวัดสระแก้ว ก็จะเป็นประโยชน์อย่างนี้ต่อไป
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ห้องประชุมด่านพรหมแดนสำนักงานศุลกากรอรัญประเทศ บริเวณช่องทางผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและเอกชน จาก 4 อำเภอ จำนวน 300 คน เพื่อหารือ ถึงแนวทางการอุดช่องว่างรอยรั่วจากขบวนการลักลอบนำสินค้าทางการเกษตรพืชไร่เข้ามาจากฝั่งกัมพูชาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, หัวมันสำปะหลัง ที่ทะลักเข้ามานับหลายแสนตัน
นอกจากนี้ยังจะมีพืชไร่อีกหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว พริกไทยดำ ข้าวฟาง และอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรคนไทย ที่ถูกขบวนการพ่อค้ากดราคาและไม่รับซื้อตามนโยบาย ทั้งยังอ้างว่า โครงการรับจำนำเต็มโควตา และ ไม่มีงบรับซื้อ ทั้งยังถูกกันจากกลุ่มนายทุนขบวนการค้าพืชไร่การเกษตร ที่สามารถสั่งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมและดำเนินคดีกับชาวบ้านคนไทยตามแนวชายแดน
นายศานิตย์กล่าวอีกว่า หลังจากประชุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนและกลุ่มนายทุนขบวนการค้าลักลอบและราษฎรคนไทยชายแดนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากกลุ่มนายทุนนักธุรกิจการค้า และการลักลอบฉวยโอกาสทำให้พืชไร่การเกษตรของเกษตรกรราคาตกต่ำลง เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หัวมันสำปะหลัง ที่มีข่าวการลักลอบเข้ามาในเขตไทยเป็นจำนวนมาก
ที่ประชุมพูดคุยถึงมาตรการกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งจังหวัดสระแก้วมีมาตรการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามมาตลอดตามแนวชายแดนมาโดยตลอด โดยสามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด บางอย่างอาจจะไม่เป็นที่พอใจของใครบางกลุ่ม เช่น หัวมันสำปะหลัง มีการลักลอบเข้ามา ซึ่งจากการตรวจสอบระเบียบกฎหมายแล้ว พบว่าหัวมันสำปะหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลักลอบเข้ามา เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ดังนั้นจึงสามารถที่จะนำเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย
นายศานิตย์กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีมันสำปะหลัง จากฝั่งกัมพูชาทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงนี้ มีโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ที่จังหวัดสระแก้ว โดยจังหวัดได้ขอร้องกับกลุ่มผู้ประกอบการค้า ธุรกิจ ที่นำพืชไร่ทางการเกษตรจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้ามา โดยขอให้ชะลอการนำเข้ามันสำปะหลัง จากเพื่อนบ้านของไว้ก่อน
หลังสิ้นโครงการรับจำนำแล้วก็เป็นการค้าตามปกติ ที่สามารถผ่านขบวนการค้ากับด่านศุลกากรอรัญประเทศ ตามขั้นตอนปกติ และขออนุญาตเคลื่อนย้ายสินค้าในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คือ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด ก็เป็นการดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย แต่ก็มีประชาชนเกิดความห่วงใยในเรื่องนี้ด้วย
นายศานิตย์กล่าวว่า ในที่ประชุมตกลงว่าราษฏรคนไทยประกอบอาชีพในฐานะวิถีชีวิตของคนชายแดน ซึ่งไม่มีความชำนาญกับการค้าเชิงระบบ ก็ขอให้เปลี่ยนความคิดว่าในอนาคต การค้าขายจะเป็นการค้าที่ไร้พรหมแดน เนื่องจากกฏของการค้าเสรี ซึ่งเขาจะสามารถนำพืชไร่การเกษตรทุกชนิด เข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษี
ดังนั้น ประชาชนจะต้องปรับตัวเองเข้าสู่การเป็นพ่อค้ากันบ้าง โดยมีการร่วมตัวเป็นกลุ่มจัดตั้งชมรมองค์กร และในรูปแบบสหกรณ์ จากเมื่อก่อนเป็นแบบวิถีชีวิตของคนชายแดน เข้าร่วมกลุ่มกันได้ ก็สามารถดำเนินการทางการค้าได้ และทำให้การค้าระหว่างนายทุนใหญ่ กับกลุ่มชาวบ้านมีความเห็นใจซึ่งกันและกันได้ ซึ่งถือเป็นนิมิตอันดีที่การค้าชายแดนของจังหวัดสระแก้ว ก็จะเป็นประโยชน์อย่างนี้ต่อไป
