ตาก- ยอดการค้าชายแดนไทย-พม่า ครึ่งแรกปี 52 พุ่งกว่า 16,000 ล้านบาท ขยายตัว 28% เมื่อเทียบกับปี คาดสิ้นปีทะลุ 20,000-23,000 ล้าน ประธานหอตากชี้แม้เงินจั๊ตราคาตก 100 จั๊ต แลกเงินบาทได้ 2.90 บาท ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อสินค้าของพ่อค้าพม่า
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ด่านพรมแดนไทย -พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวถึงการค้าชายแดนด่านแม่สอด-เมียวดี ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 หรือช่วงเข้าไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณด่านศุลกากรว่า ขณะนี้ตัวเลขการค้าชายแดน 6 เดือนแรก พุ่งสูงขึ้นกว่า 15,000-16,000 ล้านบาทแล้ว หรือขยายตัวมากขึ้น 28-30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มในเดือนต่อไปจะเพิ่มขึ้นอีก คาดในปีนี้จะทะลุกว่า 20,000-23,000 ล้านบาท สูงมากเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการทำการค้า ณ จุดผ่านแดนแห่งนี้
นอกเหนือจากตัวเลขการค้าชายแดนที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว ตัวเลขการจัดเก็บอากรภาษีก็เพิ่มสูงขึ้นเกินเป้า คือ 200 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ด่านศุลกากรพอใจมาก ซึ่งมองได้ว่าถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดี ตลอดจนสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ก็มีการสู้รบและปัญหาการเมือง ปัญหาต่างๆ ไม่ส่งผลกระทบกับการค้าชายแดนเลย ในทางตรงข้ามตัวเลข 6 เดือนแรกของปี 52 กลับเพิ่มสูงขึ้น
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า การค้าชายแดนไทย-พม่า แม่สอด-เมียวดี ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ตัวเลขยังคงปกติและเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าการค้ามีแนวโน้มขยายตัวขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่อัตราการแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยกับเงินจั๊ตพม่าจะเปลี่ยนแปลงไปก็ยังไม่มีผลกระทบกับการค้าชายแดน โดยขณะนี้ค่าเงินจั๊ตพม่าได้ตกลงไปเหลือ 100 จั๊ตแลกเงินบาทได้เพียง 2.90 บาท จากเดิม 3.20-3.30 บาท
ที่จริงแล้วเมื่อเงินจั๊ตมีอัตราแลกเปลี่ยนลดลงทำให้ดูเหมือนนักธุรกิจพม่า และพ่อค้าพม่าต้องซื้อสินค้าไทยในราคาแพงขึ้นจากค่าเงินที่ลดลง แต่ก็ยังไม่กระทบกับยอดการสั่งสินค้า เนื่องจากสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของชาวพม่า ประกอบกับทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะประชาชนในระดับท้องถิ่น
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ด่านพรมแดนไทย -พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวถึงการค้าชายแดนด่านแม่สอด-เมียวดี ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 หรือช่วงเข้าไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณด่านศุลกากรว่า ขณะนี้ตัวเลขการค้าชายแดน 6 เดือนแรก พุ่งสูงขึ้นกว่า 15,000-16,000 ล้านบาทแล้ว หรือขยายตัวมากขึ้น 28-30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มในเดือนต่อไปจะเพิ่มขึ้นอีก คาดในปีนี้จะทะลุกว่า 20,000-23,000 ล้านบาท สูงมากเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการทำการค้า ณ จุดผ่านแดนแห่งนี้
นอกเหนือจากตัวเลขการค้าชายแดนที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว ตัวเลขการจัดเก็บอากรภาษีก็เพิ่มสูงขึ้นเกินเป้า คือ 200 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ด่านศุลกากรพอใจมาก ซึ่งมองได้ว่าถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดี ตลอดจนสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ก็มีการสู้รบและปัญหาการเมือง ปัญหาต่างๆ ไม่ส่งผลกระทบกับการค้าชายแดนเลย ในทางตรงข้ามตัวเลข 6 เดือนแรกของปี 52 กลับเพิ่มสูงขึ้น
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า การค้าชายแดนไทย-พม่า แม่สอด-เมียวดี ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ตัวเลขยังคงปกติและเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าการค้ามีแนวโน้มขยายตัวขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่อัตราการแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยกับเงินจั๊ตพม่าจะเปลี่ยนแปลงไปก็ยังไม่มีผลกระทบกับการค้าชายแดน โดยขณะนี้ค่าเงินจั๊ตพม่าได้ตกลงไปเหลือ 100 จั๊ตแลกเงินบาทได้เพียง 2.90 บาท จากเดิม 3.20-3.30 บาท
ที่จริงแล้วเมื่อเงินจั๊ตมีอัตราแลกเปลี่ยนลดลงทำให้ดูเหมือนนักธุรกิจพม่า และพ่อค้าพม่าต้องซื้อสินค้าไทยในราคาแพงขึ้นจากค่าเงินที่ลดลง แต่ก็ยังไม่กระทบกับยอดการสั่งสินค้า เนื่องจากสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของชาวพม่า ประกอบกับทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะประชาชนในระดับท้องถิ่น
