ศูนย์ข่าวศรีราชา - เทศบาลตำบลนาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี จัดประเพณีแข่งขันคราดนาควายดี สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกว่า 100 ปี คึกคักกว่าทุกปี สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน
วันนี้ (28 มิ.ย.) ณ สนามนาขัดแตะ หมู่ 3 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี นายสามารถ สุขสว่าง นายกเทศบาลตำนาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี จัดประเพณีการแข่งขันคราดนาควายดี ประจำปี 2552 โดยมี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี มาเป็นประธานลั่นฆ้องเปิดงาน เพื่ออนุรักษ์สืบสานประเพณีท้องถิ่นของชาวตำบลนาป่า ที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งอดีตกาล ที่ใช้แรงงานควาย เพื่อไถนาปลูกข้าว ในช่วงฤดูทำนา เมื่อเสร็จจากการทำนา ก็มักจะนำควายมาใส่คราด และแข่งขันประลองความเร็ว สร้างความสนุกสนาน ความรักสามัคคีกัน หลังจากเหนื่อยล้าจากการทำนาปลูกข้าว จนกระทั่งกลายมาเป็นประเพณีคราดนาควายดี ในปัจจุบัน
การแข่งขันแบ่งเป็น 5 รุ่น รุ่นจิ๋วเล็ก รุ่นจิ๋ว รุ่นเล็ก รุ่นกลาง และรุ่นใหญ่ โดยมีควายจากในและต่างจังหวัด เข้าร่วมแข่งขันเกือบ 100 ตัว ใส่คราด 50 คู่ ทั้งนี้ สนามแข่งขันยาวประมาณ 200 เมตร แข่งขันกันอย่างสนุกสนาน และมีนักท่องเที่ยว และบรรดาผู้นิยมถ่ายภาพนิ่ง จากชมรมต่างๆ เดินทางเข้ามาร่วมงาน เพื่อถ่ายภาพไปโพสต์ให้ชมต่างเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย จากการเฉลี่ยพบว่า ควายมีความเร็วจากการวิ่งถึง 120 กม./ชม.ทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตแข่งขันดำนาปลูกข้าว โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่ จากที่ที่สาธิตให้ลูกหลานที่นี่ ได้เห็น เพราะบางคนไม่เคยเห็นก็มี และปีหน้า จะมีการจัดแข่งขันดำนาปลูกข้าวอีกด้วย ไฮไลต์ของงานปีนี้ ก็ยังเป็นก็แข่งขันคนวิ่งประลองความเร็วกับควาย ซึ่งปีก่อน ควายต่อให้ 20 เมตร ปรากฏว่า คนชนะฉิ่วเฉียด ปีนี้ ต่อให้ควาย 10 เมตร มีคนขอแข่งขัน 7 คน วิ่งแข่ง ปรากฏว่า คนชนะควายเหมือนเดิม
และยังมีการแข่งขัน ชักเย่อโคลน เหลือง-แดง สร้างสัมพันธ์ โดยมีผู้บริหาร กำนันผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมแข่งขัน ทีมสีเหลือง-สีแดง ทั้งนี้ โดยครั้งแรกมีการหยอกล้อ โดยการแอบตัดเชือก เพื่อให้ทั้ง 2 ทีม ดึงขาด ล้มระเนระนาด เรียกเสียงฮา ส่วนครั้งต่อมา เมื่อกรรมการ เป่านกหวีด ก็ชักเย่อในโคลนกันอย่างสนุกสนาน ดึงกันไปมา จวนแพ้จวนชนะกัน ทำให้ผู้เข้ามาชมงาน ต่างขำและมีความสุขกันไป เสมอกัน ต่อมา มีการแข่งขัน ฟุตบอล โคลนเหลือง แดง สร้างสามัคคี ก็เหมือนเดิม ก็ลงไปเตะกันอย่างเมามัน เตะผิดถูก เตะไม่ไปบ้าง ไปบ้าง สนุก ในที่สุดก็เสมอกันไป เพื่อให้ แดง เหลือง รักกัน ยั่งยืนต่อไป
