ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ติงสื่อมวลชน นำเสนอข่าวสารการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จนประชาชนตื่นกลัวจนเกินกว่าเหตุ ทำเศรษฐกิจการท่องเที่ยวซบเซา
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้กล่าว ถึงเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดชลบุรี และในประเทศไทยว่า สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำเสนอข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ขาดความเชื่อมั่นในการควบคุมโรค ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในจังหวัดรวมไปถึงการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาซบเซา
ในความเป็นจริงแม้ว่าในเมืองพัทยาและประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคนี้จริง แต่ไม่น่ากลัวมากนัก เพราะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้ แต่ข่าวสารที่นำเสนอออกไปแรงมากกว่า จนทำให้ผู้ที่รับข่าวสารกลัวและตื่นตระหนกกับโรคนี้ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวน 210 รายยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้มีน้อยมาก อยู่ที่ 0.1-1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยผู้ป่วยที่โรคนี้ แล้วมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน เข้าใจว่าโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ก็เหมือนป่วยเป็นหวัดธรรมดา หากร่างกายไม่แข็งแรงและมีอาการของโรคก็ควรไปพบแพทย์ และหยุดพักรักษาอาการจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังผู้อื่น
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้กล่าว ถึงเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดชลบุรี และในประเทศไทยว่า สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำเสนอข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ขาดความเชื่อมั่นในการควบคุมโรค ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในจังหวัดรวมไปถึงการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาซบเซา
ในความเป็นจริงแม้ว่าในเมืองพัทยาและประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคนี้จริง แต่ไม่น่ากลัวมากนัก เพราะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้ แต่ข่าวสารที่นำเสนอออกไปแรงมากกว่า จนทำให้ผู้ที่รับข่าวสารกลัวและตื่นตระหนกกับโรคนี้ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวน 210 รายยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้มีน้อยมาก อยู่ที่ 0.1-1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยผู้ป่วยที่โรคนี้ แล้วมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน เข้าใจว่าโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ก็เหมือนป่วยเป็นหวัดธรรมดา หากร่างกายไม่แข็งแรงและมีอาการของโรคก็ควรไปพบแพทย์ และหยุดพักรักษาอาการจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังผู้อื่น
