ศูนย์ข่าวศรีราชา - รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เมืองพัทยา ติดตามผลการตรวจสอบการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เบื้องต้นพบผู้ป่วยติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงกว่า 90 ราย รอผลตรวจพิสูจน์ภายใน 24 ชม.ยันมาตรการภาครัฐเข้มข้นป้องกันการแพร่ระบาดและรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชี้ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการการะทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบ ด้วย สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา เพื่อร่วมหารือและติดผลการตรวจสอบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 (A/H1 N1) หลังจากที่ผ่านมาทางรัฐบาลไต้หวันได้ออกประกาศว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันจำนวน 2 ราย ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่หลังจากเดินทางมาพักผ่อนในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
นายวิทยา เปิดเผยว่า หลังได้รับการเรื่องดังกล่าวก็ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคติดต่อนำหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงมาในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อตรวจสอบจนทราบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาที่เมืองพัทยา ในระหว่างวันที่ 1-5 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา และมีโปรแกรมพักผ่อนและท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ก่อนเดินทางกลับและพบว่ามีการติดเชื้อ
ดังนั้น จึงได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่กลุ่มเสี่ยง 2 จุด ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการชุนนุมกันอย่างหนาแน่นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพื่อเข้าไปตรวจสอบ โดยนำพนักงานของสถานประกอบการทั้ง 2 แห่ง รวมกว่า 200 คน มาตรวจหาเชื้อ ซึ่งเบื้องต้นพบ ว่าในจำนวนนี้มีถึง 90 ราย ที่อยู่ในภาวะต้องสงสัยของอาการป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ จึงได้นำตัวอย่างส่งไปตรวจพิสูจน์อีกครั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ กทม.ซึ่งจะได้รับผลการตรวจยืนยันว่าเป็นโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ หรือไม่ ภายใน 24 ชม.จากนี้
นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับหน้าที่ของกระทรวงเอง คงไม่มีหน้าที่ที่จะบอกว่าติดเชื้อมาจากเมืองพัทยาหรือไม่ เพียงมาทำหน้าที่ตรวจสอบ และหากพบว่ามีการติดเชื้อจากเมืองพัทยาจริง ทางกระทรวงก็จะเข้ามาดำเนินการแก้ไข โดยจะทำการรักษาโรคให้กับผู้ป่วยให้หายขาดทั้งหมด เพราะโรคชนิดนี้หากตามสภาพความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวแต่อย่างใด เนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตเพียง 0.1-1% เท่านั้น ขณะที่ทางกระทรวงเองก็มียารักษาโรคไว้อย่างพอเพียง
ส่วนกรณีผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น ยอมรับว่า เกิดจากความอ่อนไหวและข่าวที่เกิดขึ้นตามกระแสมากกว่า สำหรับเมืองพัทยาก็ได้หารือและเตรียมแผนในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยจะทำประกาศหรือประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทั่วไปได้รับทราบว่ามีมาตรการการควบคุมและป้อง กันเป็นอย่างดี ซึ่งแม้หากเกิดปัญหาก็สามารถป้องกันและแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
