สุรินทร์ - เร่งมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรเขต อ.เมืองสุรินทร์ ที่ประสบภัยแล้งในฤดูกาลผลิต ปี 2551/52 นาข้าวเสียหาย 1.37 หมื่นไร่ เดือดร้อน 2,333 ราย โดย ธ.ก.ส.เบิกเงินสดจ่ายให้เกษตรกร ที่ผ่านเกณฑ์พิจารณาให้การช่วยเหลือ
วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสุพล ลีมางกูล นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ได้เป็นประธานในการมอบเงินช่วยเหลือให้แก่เกษตรกร ที่ประสบกับภัยพิบัติภัยแล้งในฤดูการทำนา ปี 2551/2552 ซึ่งอำเภอเมืองสุรินทร์มีเกษตรกรประสบกับภัยแล้ง จำนวน 7 ตำบล ประกอบด้วย ต.ท่าสว่าง, แกใหญ่, เฉนียง, เทนมีย์, สลักได, ตระแสง และ ต.สวาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 52 หมู่บ้าน มีพื้นที่นาปลูกข้าวได้รับความเสียหาย 13,755 ไร่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 2,333 ราย
ทั้งนี้ อำเภอเมืองสุรินทร์ได้ขอรับการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 ซึ่งช่วยเหลือเกษตรกรในอัตราไร่ละ 606 บาท รวมจำนวน 8,335,530 บาท โดยทางกระทรวงการคลังได้โอนเงินเข้าผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขา สุรินทร์ (ธ.ก.ส.) และ ธ.ก.ส.สุรินทร์ ได้ทำการเบิกเงินสดที่กระทรวงการคลังโอนเข้าบัญชีเกษตรกรทั้งหมดจำนวน 2,333 ราย ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติภายแล้ง ตามจำนวนที่คณะกรรมการพิจารณา มามอบให้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้
นายสุพล ลีมางกูล นายอำเภอเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า เงินที่รัฐบาลจ่ายเป็นค่าชดเชยความเสียหายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม อยากให้เกษตรกรได้มีการศึกษา ปรับเปลี่ยนวิธีการทำนาให้เหมาะสม และสอบถามนักวิชาการเกษตร ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำนา เพราะบางครั้งเกษตรกรพอมีฝนเริ่มตกลงมาก็รีบไถ่นาหว่านข้าว ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.หรือ ก.ค.พอฝนทิ้งช่วงต้นกล้าข้าวที่กำลังเจริญเติบโตก็แห้งตาย
“เกษตรกรจึงควรปรึกษานักวิชาการเกษตรว่าเวลาเหมาะสม ในการปลูกข้าวควรอยู่ในช่วงใด เพราะจะได้ขยายช่วงเวลาการเติบโตของการต้นกล้าให้พอเหมาะกับฝนที่ตกลงมา เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการปลูกข้าวด้วยวิชาการที่เหมาะสม จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเอง” นายสุพล กล่าว