xs
xsm
sm
md
lg

คนอีสานยังขาดสาร “ไอโอดีน” มากสุด-ร่วมยูนิเซฟเร่งรณรงค์หวั่นเด็กเป็น “เอ๋อ” อื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แนะปชช.เลือกซื้อเกลือ-น้ำปลา ที่มีเครื่องหมายรับรองเพิ่มสารไอโอดีน ในงานประชุมเสริมสร้างศักยภาพ อปท. ควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนที่ จ.นครราชสีมา วันนี้ (26 พ.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ระบุ คนอีสานยังขาดสารไอโอดีนมากสุดในประเทศ โดยเฉพาะใน จ.มหาสารคาม ทั้งที่เป็นแหล่งผลิตเกลือคุณภาพ เผย อีสาน-เหนือ ระดับสารไอโอดีนในปัสสาวะยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หวั่นเด็กเป็น “โรคเอ๋อ” อื้อ สติปัญญาด้วยพัฒนาการสมองแย่ กรมอนามัยร่วมมือยูนิเซฟเร่งรณรงค์ควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน ตั้งแต่เด็กในครรภ์จนถึงผู้ใหญ่ แนะ ปชช.เลือกซื้อเกลือ-น้ำปลาที่มีสารไอโอดีนมาปรุงอาหาร เพื่อให้โรคขาดสารไอโอดีนหมดไปจากประเทศไทย

วันนี้ (26 พ.ค.) ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พญ.แสงโสม สีนะวัฒน์ นักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน จัดโดยกองโภชการ กรมอนามัยและองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ค.นี้

ในงานมีผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิชาการจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, ผู้แทนโรงพยาบาลระดับอำเภอ, สถานีอนามัย, ครูผู้ดูแลเด็ก, แกนนำชุมนุม, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ( อสม.) และ ผู้แทนจากองค์การยูนิเซฟ ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย นครราชสีมา, มหาสารคาม, ศรีสะเกษ และ ขอนแก่น เข้าร่วมกว่า 140 คน

ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของ อปท.และเพิ่มขีดความสามารถของแกนนำสุขภาพในชุมชน ในการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน และ เพื่อผลักดันและสร้างความตระหนักแก่ภาคีเครือข่าย ในการดำเนินงานควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน

นพ.ณรงค์ สายวงศ์ ผู้อำนวยการกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่าประชาชนชาวไทย ยังเป็นโรคขาดสารไอโอดีนอยู่มาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคอีสาน ซึ่งโรคขาดสารไอโอดีนไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้ประชาชนเป็นโรคคอพอกเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สติปัญญาด้อย มีผลร้ายแรงชัดเจนในทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนถึงอายุ 2-3 ปี โดยมีผลทำให้สมองมีการเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หรือที่เรียกว่า “โรคเอ๋อ”

จากการตรวจสารไอโอดีนในปัสสาวะ พบว่า ประชาชนในภาคอีสานมีปริมาณสารไอโอดีนน้อยที่สุดคือ 80 ไมโครกรัม/เดซิลิตร จากเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดต้องมีสารไอโอดีนในปัสสาวะไม่น้อย 100 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ส่วนภาคใต้อยู่ที่ระดับ 172 ไมโครกรัม/เดซิลิตร, ภาคเหนือ 90 ไมโครกรัม/เดซิลิตร และ ภาคกลาง 102 ไมโครกรัม/เดซิลิตร

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า มาตรการหลักที่กรมอนามัยดำเนินการควบคุม และป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย คือ การใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศ กฎกระทรวงฉบับที่ 153 พ.ศ.2537 ให้เกลือบริโภคที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 30 ส่วนในล้านส่วน และ ข้อมูลตัวชี้วัดเรื่องการครอบคลุมของครัวเรือนที่มีการใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน ตามเกณฑ์มาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 แต่ในภาพรวมของประเทศไทย จนถึงขณะนี้ยังน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คือ ร้อยละ 80 โดยภาคอีสานจะน้อยกว่าภาคอื่น

“ไอโอดีนมีความสำคัญกับทุกเพศวัย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ต้องแต่ 12 สัปดาห์แรกมีผลต่อเซลล์สมองและเครือข่ายโยงใยสมอง หากหญิงตั้งครรภ์ท่านใดที่ขาดสารไอโอดีนจะทำให้การพัฒนาสมองของเด็กแย่ลง เช่นเดียวกันเด็กในช่วงวัยเรียน ก็มีความต้องการสารไอโอดีนในการสร้างเสริมสติปัญหา เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ หากขาดสารไอโอดีนมักแสดงอาการเฉื่อยฉา ไม่กระปรี้กระเปร่า ฉะนั้น ไอโอดีนจึงมีความสำคัญกับทุกเพศทุกวัย” นพ.ณรงค์ กล่าว

นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ในภาคอีสานนั้น พบว่า จ.มหาสารคาม มีประชาชนขาดสารไอโอดีนมากสุดในภาคอีสาน แม้เป็นแหล่งผลิตเกลือแห่งใหญ่ ถึงจำนวน 42 แห่ง และผลิตเกลือที่ได้คุณภาพ 28 แห่ง ขณะที่นครราชสีมา มี 3 แห่ง ผลิตได้คุณภาพเพียง 1 แห่ง ส่วน ศรีสะเกษ ไม่มีแหล่งผลิตเลย และขอนแก่น มีแหล่งผลิตและได้คุณภาพอยู่ 2 แห่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข

“อย่างไรก็ตาม สารไอโอดีนมีมากในอาหารทะเล และ เกลือเสริมไอโอดีน หรืออาหารที่มีการเสริมสารไอโอดีน เช่น น้ำปลา ไข่ไอโอดีน ฉะนั้นหากประชาชนจะปรุงอาหารขอให้เลือกใช้เกลือหรือน้ำปลาที่มีสารไอโอดีนทุกครั้ง โดยเกลือและน้ำปลาที่มีสารไอโอดีนจะมีเครื่องหมายรับรองที่แสดงใช้ในบรรจุภัณฑ์ หรือเพื่อช่วยกันรณรงค์ให้โรคขาดสารไอโอดีนหมดจากชุมชนและประเทศไทยของเรา” นพ.ณรงค์ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น