เชียงราย - เร่งสำรวจความเสียหายจากพายุพัดถล่มพื้นที่ 3 อำเภอของเมืองเชียงรายกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุดพบบ้านเรือนชาวบ้านเสียหายมากกกว่า 300 หลังคาเรือน พื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบอีกเพียบ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (20 พ.ค.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย และฝ่ายปกครองในพื้นที่ อ.เมือง อ.แม่จัน และ อ.เทิง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจความเสียหายที่เกิดจากพายุพัดถล่มในหลายพื้นที่อันเป็นผลมาจากช่วงคืนที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักและพายุพัดแรงจนทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย
โดยเฉพาะพื้นที่ อ.แม่จัน นายอภิรักษ์ ศักดิ์สนิท นายอำเภอแม่จัน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายซึ่งพบว่า นอกจากบ้านเรือนราษฎรจะเสียหายแล้วยังทำให้กระแสไฟฟ้าดับไปทั่วบริเวณด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า พื้นที่ที่ประสบภัยมากที่สุดคือ ต.จันจว้า ภายในหมู่บ้านม่วงหมูสี หมู่ 7 หมู่บ้านแม่คำฝั่งหมิ่น หมู่ 9 หมู่บ้านป่ากุ๊ก หมู่ 10 หมู่บ้านสันหลวง หมู่ 10 และหมู่บ้านสันทางหลวง หมู่ 12 โดยมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายประมาณ 300 หลังคาเรือน โดยส่วนใหญ่หลังคา ฝาบ้านและบางส่วนของอาคารบ้านเรือนถูกพายุพัดจนเสียหาย แต่มีที่เสียหายเกือบทั้งหลังจำนวน 3 หลังคาเรือน ซึ่งหลังคาบ้านถูกพายุพัดพาหายไป นอกจากนี้ยังพบว่ามีพื้นที่ทางการเกษตรเป็นสวนลิ้นจี่ และลำไย ที่กำลังออกผลถูกพายุพัดจนผลหลุดร่วงและลำต้นหักโค่นไปเป็นจำนวนมาก
นายอภิรักษ์ ศักดิ์สนิท นายอำเภอแม่จัน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ลงสำรวจพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ช่วงเวลากลางคืนปรากฏว่ากระแสไฟฟ้าดับหมด ดังนั้นจึงได้ให้เจ้าหน้าที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะเทศบาล ต.จันจว้า ได้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อจะได้ให้การบรรเทาทุกข์ไปตามขั้นตอนแล้ว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะเดียวกันพายุลมพัดแรงยังได้พัดกระหน่ำในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง ต่อมานายบดินทร์ มณีรัตน์ ประธานสภาเทศบาลนครเชียงรายนำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหาย พบว่า ชุมชนฮ่องลี่ และชุมชนป่างิ้ว มีต้นไม้หักโค่นลงมาหลายจุด รวมทั้งมีเสาวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งล้มทันบ้านจนได้รับความเสียหายขณะที่ในภาพรวมมีบ้านเรือนเสียหายประมาณ 20 หลังคาเรือน
ด้านสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.เชียงราย ได้ประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังพายุฝนไปจนถึงวันที่ 24 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะช่วงบ่ายถึงค่ำ ขณะเดียวกัน ให้ระวังเรื่องดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากหลังมีฝนตกกกว่า 70% ของพื้นที่ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการถวัดปริมาณน้ำฝนได้มากถึง 31.3 มิลลิเมตร และหากพื้นที่ใดเกิน 50 มิลลิเมตรต่อ 1 ชั่วโมง ให้ผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนด้วย
