กาญจนบุรี – ผู้ว่าฯกาญจนบุรี เต้นนำทีมนักวิชาการลงพื้นที่ดูปลิงปริศนา แต่ยันเบื้องต้นไม่ใช่ปลิงดูดเลือด มีเฉพาะที่น้ำนิ่ง น้ำไหลไม่พบ เผยแหลงที่พบปลิงปริศนาในแม่น้ำแควใหญ่จำนวนมาก เป็นช่วงที่มีบ้านพักของบุคคลสำคัญตั้งอยู่หลายคน ทั้ง “พลตรี ศรชัย มนตริวัต”- “พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์” – “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง”
หลังจากมีข่าวว่า ชาวบ้านในเขตชุมชนชุกกุ่ม เทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ได้พบสัตว์น้ำคล้ายปลิงจำนวนมากในแม่น้ำแควใหญ่ ทำให้เกิดความห่วงใยว่าจะเกิดอันตรายต่อชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่พักตามรีสอร์ตและโรงแรมในเขตถนนข้าวเปลือก ที่เป็นแหล่งที่พักของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนหลายพันคนนั้น
วันนี้ (10 พ.ค.) เวลา 09.00 น.นายเริงศักดิ์ มหาวนิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ถ.หลักเมือง จ.กาญจนบุรี โดยมีผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.วชิระ กิติศักดิ์ นักวิชาการประมงชำนาญการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดกาญจนบุรี, นายประสิทธิ์ โอภาสทิพากร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาญจนบุรี, นายประสาน เลื่อนพฤกษ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี, นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี, นายประพันธ์ เสริมธนานันท์ ผู้ชำนาญการงานสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี และผู้แทนจากสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ร่วมประชุมหารือโดยที่ประชุมได้นำตัวอย่างของสัตว์รูปร่างคล้ายปลิงมาดูเพื่อประกอบการหารือด้วย
ต่อจากนั้นคณะของ ผวจ.กาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่ไปที่ท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซอยลาว ถ.แม่น้ำแคว ชุมชนชุกกุ่ม เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมี นายศรีสุรัตน์ อินทร์ธิราช ประธานชุมชนชุกกุ่มและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดในแม่น้ำแควใหญ่ในครั้งนี้ โดยนายเริงศักดิ์ ได้สอบถามจากข้อมูลจากประธานชุมชนชุกกุ่มและเด็กๆ ที่ลงเล่นน้ำอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับจุดที่พบปลิงดังกล่าว ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าพบสัตว์น้ำดังกล่าวตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และห่วงว่าจะเกิดอันตรายต่อประชาชนที่ใช้น้ำในการอุปโภคและบริโภค
หลังจากนั้น เด็กๆ จำนวน 5 คนได้อาสาลงน้ำเพื่อพิสูจน์ว่าตัวดังกล่าวมีอยู่ในแม่น้ำแควใหญ่ จริง โดยเด็กได้ลงแช่น้ำในแม่น้ำแควใหญ่ นานประมาณ 5 นาที จึงขึ้นมาจากน้ำและพบว่าตามร่างกายของเด็กทั้ง 5 คนมีสัตว์ดังกล่าวเกาะติดอยู่จำนวนมากพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณจากเท้าไปถึงหัวเข่าจะมีปริมาณมากเป็นพิเศษ
ต่อจากนั้น ดร.วชิระ กิติศักดิ์ นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดกาญจนบุรี ได้เก็บตัวอย่างสัตว์ดังกล่าวมาตรวจสอบเบื้องต้น และได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบด้วยตาเปล่า พบว่า สัตว์น้ำดังกล่าวเป็นสัตว์น้ำในตระกูลปลิงจริง แต่ไม่น่าจะเป็นปลิงชนิดที่ดูดเลือดจากคน โดยสังเกตจากลักษณะกายภาพเป็นสัตว์ตัวประมาณ ลูกน้ำตัวใหญ่ ลำตัวแบน และอาศัยอยู่ตามดินใต้น้ำ และการเคลื่อนไหวใช้การคืบเคลื่อนตัว ไม่มีร่องรอยการดูดเลือดจากมนุษย์ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นปลิงชนิดใด
ดังนั้น ตนจะนำตัวอย่างที่เก็บได้ส่งไปให้คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการตรวจสอบว่าเป็นสัตว์ชนิดใดแน่ แต่ที่แน่นอนจากจำนวนที่พบในพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่น่าจะบอกปริมาณได้ แต่น่าจะเกิดจากมีแหล่งที่อยู่และมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์จึงทำให้เกิดการอยู่อาศัยและสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนมากได้เช่นกัน ในเบื้องต้นไม่น่าจะมีอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน แต่ในการลงเล่นน้ำควรงดก่อนหรือใส่เครื่องป้องกันไม่ให้สัตว์ดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายตามช่องทางอวัยวะต่างๆจนกว่าจะมีผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด
ดร.วชิระ กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางในการกำจัดก็ต้องดูว่า หากกำจัดโดยธรรมชาติเรนราจะไปดูว่าปลาชนิดใดที่กินสัตว์นี้เป็นอาหารเราก็จะนำปลามาปล่อยเพื่อให้เกิดการกำจัดตามธรรมชาติหรืออีกวิธีคือการใช้สารเคมีมาใส่ลงในบริเวณที่พบแหล่งอาศัย แต่วิธีหลังอาจจะลำบากเพราะพื้นที่บริเวณพื้นน้ำมีความกว้างมากจึงไม่น่าจะใช้วิธีดังกล่าว แต่คงใช้การกำจัดทางธรรมชาติมากกว่า
ด้าน นายเริงศักดิ์ มหาวนิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ ว่า จากการที่มาดูสถานที่และการได้รับข้อมูลเบื้องต้นจากนักวิชาการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดกาญจนบุรี ทราบว่า เป็นปลิงชนิดหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปลิงที่ดูดเลือดมนุษย์ เพราะจากการสังเกตจากเด็กที่ลงไปเล่นน้ำเมื่อกี้ พบว่า มีปลิงเกาะติดตามขาจริงแต่เมื่อดึงออกมาไม่พบรอยแผลหรือร่องรอยการกัดจากสัตว์ดังกล่าว และจากการสอบถามเด้กเหล่านี้ทราบว่ามีสัตว์นี้มานานกว่า 2 เดือนแต่พบเวลาลงเล่นน้ำเกือบทุกครั้งแต่ไม่มีร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากการกัดของสัตว์ดังกล่าวเลย ส่วนวิธีการกำจัดมีหลายแนวทางทั้งทางธรรมชาติโดยการตัดห่วงโซ่อาหารหรือใช้สารเคมีได้ และจังหวัดกาญจนบุรีจะเร่งในการหาแนวทางการกำจัดสัตว์นี้อย่างเร็วที่สุด แต่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นสัตว์อะไรแน่นอนก่อน
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ายินดีคือ พบว่าสัตว์ดังกล่าวมีอยู่ในพื้นที่บริเวณจำกัดเท่านั้น โดยเฉพาะในพื้นน้ำที่นิ่งไม่ไหลเวียนเป็นส่วนมาก และอยู่ตามเหนือดินใต้ผิวน้ำจะขยับตัวต่อเมื่อมีการเข้าไปกระทบจึงเกาะติดสิ่งเคลื่อนไหวนั้น ในเบื้องต้นจะรีบชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวแม่น้ำช่วยกันสังเกตและคงต้องให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน
นายเริงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ ผลกระทบจากการนำเสนอข่าวที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสัตว์นี้เป็นตัวอะไร ซึ่งอาจจะสร้างความตื่นตระหนกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน แต่ถึงเวลานี้อยากบอกว่า สัตว์นี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสามารถกำจัดได้ ซึ่งเรื่องที่น่ายินดีอีกประการ คือ พบแต่เฉพาะที่โดยจะอยู่อาศัยในพื้นที่น้ำที่ค่อนข้างไม่ไหลถ่ายเท และเมื่อเป็นน้ำที่มีการไหลเวียนถ่ายเทก็จะไม่พบสัตว์ตัวนี้อยู่อาศัย อย่างการที่เราได้พิสูจน์ในการให้คนลองดำน้ำที่บริเวณท่าจอดแพหน้าเมืองกาญจนบุรี ไม่พบสัตว์ดังกล่าวเกาะติดตามร่างกายแม้แต่ตัวเดียว
และขอยืนยันว่า สัตว์นี้เราพบในแม่น้ำแควใหญ่ แต่ยังไม่พบในแม่นำแควน้อยซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวล่องแพของนักท่องเที่ยวต่างๆ ดังนั้นการมาล่องแพในแม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแม่กลองจึงปลอดภัยไม่เกิดปัญหาจากสัตว์ชนิดนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ส่วน นายประสาน เลื่อนพฤกษ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางสาธารณสุขยังในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายังไม่พบผู้ป่วยที่ได้รับอันตรายจากสัตว์ดังกล่าวมารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี แม้แต่รายเดียว
ด้าน นายประสิทธิ์ โอภาสทิพากร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่าทางเทศบาลเมืองกาญจนบุรี พร้อมจะร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
ทางด้าน นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้อ่านข่าวรู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าไม่กระทบกับการล่อแพท่องเที่ยวต่างๆ ก็พอใจชื้นบ้าง ดังนั้นอยากให้สื่อมวลชนช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารว่า สัตว์ดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะถิ่นเท่านั้นไม่มีอันตรายต่อนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดที่พบปลิงดังกล่าว ยังมีความเชื่อว่าสัตว์ที่พบเป็นปลิงเข็มและมีการดูดเลือดจากมนุษย์ที่เกาะอย่างแน่นอน แต่อยากให้ส่วนราชการออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อประชาชนจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและไม่ตกอยู่ในอันตรายอย่างประมาท
ผู้ประกอบการรีสอร์ตที่พักที่ตั้งอยู่ที่ริมแม่นำแควใหญ่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าวันนี้ทางราชการมาตรวจสอบ และให้ข่าวว่า เป็นปลิงที่ไม่ดูดเลือดไม่เป็นอันตราย ตรงนี้น่าจะไม่แก้ปัญหาไม่ถูกจุด สิ่งที่ชาวบ้านต้องการ คือ ช่วยกำจัดให้หมดไป ปลิงตัวเล็กนิดเดียวสามารถชอนไชเข้าไปในร่างกายคนได้ ทั้งหู ทวาร และจมูก รวมถึงอวัยวะเพศที่มีช่องสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ มันอันตรายมาก และที่สำคัญ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไม่กล้าที่จะลงเล่นน้ำแล้ว เขาผวาไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อะไร แต่รู้ว่ามันเกาะติดร่างกายและมันน่าขยะแขยงมาก ตอนนี้เขาเริ่มพูดว่าจังหวัดกาญจนบุรีในประเทศไทยเริ่มไม่มีความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำแล้ว
เจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในชุมชนชุกกุ่มที่ใกล้จุดที่พบปลิงปริศนา กล่าวว่า ความเสียหายจากข่าวปลิงที่พบในแม่น้ำแควใหญ่ได้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน จ.กาญจนบุรี แล้ว เมื่อเช้านี้มีกรุ๊ปทัวร์ที่สั่งจองที่พักและซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยวพายเรือล่องแก่งโทร.มายกเลิกการเดินทาง โดยบอกว่าเห็นข่าวแล้วสยองจึงไปเที่ยวที่อื่นแทน ตนอยากจะบอกว่าหากสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หากได้รับการแก้ไขช้าผลที่ตามมาจะทำให้การท่องเที่ยวทางน้ำเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นที่สุด และขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดีแค่ผลกระทบจากม็อบการเมืองต่างๆ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หดหายไปมากอยู่แล้ว ดังนั้นอยากให้เร่งแก้ปัญหาเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่กาญจนบุรี
มีรายงานข่าวว่า บริเวณพื้นที่ที่พบปลิงปริศนาในแม่น้ำแควใหญ่นั้น เป็นช่วงที่มีบ้านพักของบุคคลสำคัญตั้งอยู่หลายคน คือ บ้านพักของพลตรีศรชัย มนตริวัต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย, บ้าน สข.ของ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี, บ้านพักของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นต้น